เชิงบันไดทำเนียบ : คสช. Never Die ได้ ‘ลุงตู่’ แถม ‘ลุงป้อม-ป๊อก’ ? จัดโผ ส.ว. ร่างทรง คสช.

ภายหลัง กกต. ประกาศรับรองผล ส.ส.ทั้งระบบเขต-บัญชีรายชื่อ ที่จะมีส.ส.ทั้งหมด 27 พรรค มีพรรคเล็กได้เก้าอี้ไปพรรคละ 1 เก้าอี้นับสิบพรรค จึงเป็นช่องที่ขั้วพลังประชารัฐจะนำมารวมเสียงตั้งรัฐบาลและดัน ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้ง แต่ก็อยู่ในสภาวะ ‘รัฐบาลปริ่มน้ำ’ เพราะได้เสียงเกิน 251 เสียงไม่มาก ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะยาว อีกทั้งปรากฏการณ์ ‘งูเห่า’ ที่จะเกิดขึ้นด้วย แม้แต่ละพรรคจะ ‘ฉีดเซรุ่ม’ ป้องกันไว้ก็ตาม

.
ดังนั้นจึงมีการมองข้ามช็อต หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้ง แล้วมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นหรือสภาวะไม่ปกติแทรกขึ้นมา ก็อาจถึงเวลาของ ‘นายกฯคนสำคัญ’ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะลงจากอำนาจและอาจไปสู่บทบาทสำคัญในอนาคตต่อไป ฟากฝั่งนักการเมืองก็ต่างมีการมองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วงปลายปีนี้หรือช่วง 1-2 ปีอีกครั้ง
.
โดยก่อนหน้านี้ก็มีการเสนอชื่อ 4 องคมนตรี ขึ้นเป็น ‘นายกฯคนนอก’ ทั้ง นายพลากร สุวรรณรัฐ อดีต ผอ.ศอ.บต. , พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี อดีต ผบ.ทบ. , พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรมว.ยุติธรรม , นายอำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งรายชื่อทั้งหมดในเวลานี้ยังคงเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่มีการเคาะรายชื่อใดออกมา แต่ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ ‘อำพน กิตติอำพน’ นั่นเอง
.
อีกโฟกัสถูกจับไปคือ ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ ทั้ง ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ทั้งคู่ต่างถูกจับตาว่าจะกลับมาเข้าร่วมรัฐบาลชุดใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นขุนพลข้างกายให้น้องเลิฟ โดย พล.อ.ประวิตร ที่ยังยึดตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพื่อคุมกองทัพต่อไป หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เท่ากับว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็น รมว.กลาโหมถึง 3 สมัย ใน 3 รัฐบาล ช่วง 10 ปีเลยทีเดียว หรือที่เรียกว่า ‘รมว.กลาโหมตลอดกาล’

ส่วนในรั้วมหาดไทยก็มีการจับตาว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะรีเทิร์นเป็น มท.1 อีกครั้ง แต่อีกกระแสก็มีการมองว่าจะไปนั่ง รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประวิตร ที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพและไปเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังแทน แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเรื่องสุขภาพจะมีผลต่อการตัดสินใจออกมา
.
เท่ากับว่าแม้จะได้ ‘ลุงตู่’ กลับมาเป็น นายกฯ ก็อาจได้ ‘ลุงป้อม-ลุงป๊อก’ แถมมาด้วย แน่นอนว่ากระแสวิจารณ์ย่อมตีกลับมา โดยเฉพาะชื่อ พล.อ.ประวิตร ที่ตกเป็นเป้ามาตลอด จนนายทหารคนสนิทตัดพ้อว่า “แค่หายใจก็ผิดแล้ว”
.
อย่างไรก็ตามทั้ง 3ป.บูรพาพยัคฆ์ ต่างไม่ทิ้งกันแน่นอน สายสัมพันธ์กว่า 40 ปี ในระยะหลังทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ ก็เป็นห่วงสุขภาพ พล.อ.ประวิตร เช่นกัน ผ่านภาพการจับมือและประคองที่มีให้เห็นเสมอ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้ง พล.อ.อนุงพษ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็เป็นกำลังสำคัญเพราะคุมกระทรวงมหาดไทยที่มีเครือข่ายฝ่ายปกครองทั่วประเทศ รวมทั้งกระทรวงกลาโหมที่คุมกองทัพทั้งหมด อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ยังเป็นประธาน ก.ตร. ที่คุม ตร. ด้วย จึงทำให้ ‘บารมี’ ของทั้ง ‘2ป.ป๊อก-ป้อม’ เบ่งบานไม่น้อย แต่ในระยะหลัง พล.อ.ประวิตร ก็โลว์โปร์ไฟล์ลงไป ด้วยความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง

ซึ่งท่าทีของ พล.อ.ประวิตร ก็ยังไม่แน่นอนกับตำแหน่งที่อาจถูกเทียบเชิญมาเป็นในอนาคต ทั้งตำแหน่ง รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง หรือ รมว.กลาโหม เพราะทุกอย่างยังไม่สะเด็ดน้ำ ท่ามกลางกระต่อรองของพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ยอมรับว่า แต่ละคนไม่รู้อนาคตของตัวเอง
.
“โอ๊ย ยังไม่รู้เลย เพราะยังไม่ได้นายกฯเลย ทางนายกฯยังไม่ได้มาถามหรือพูดด้วยเลย จะไปได้ยังไง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
“ไม่รู้ ก็ไม่มีใครรู้ตัวเองทั้งนั้น จะไปรู้ได้ไง ก็ทำงานไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
แต่ก่อนที่ ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ จะกลับมาเป็นรัฐมนตรี จะต้องดัน ‘1ป.ประยุทธ์’ ให้ได้เป็น นายกฯ ก่อน ในเวลานี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่ออกมาคือ 50 – 50 เท่านั้น สถานการณ์อาจถูกผลักไปถึง ‘ทางตัน’ ก็เป็นได้ หรือมีปัจจัยแทรกซ้อนขึ้นมา ทำให้ระบบปกติไม่สามารถเดินต่อไปได้ จนต้องไปสู่การมี ‘นายกฯคนออก’ แต่ก็เป็นเพียง ‘แผนเผชิญเหตุสุดท้าย’ ที่มองกันไปเท่านั้น เพราะสถานการณ์ต้องสุกงอมกว่านี้ และในเวลานี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ‘ทางลับ’ ของแต่ละพรรคในการตั้งรัฐบาล แม้จะได้ ‘รัฐบาลปริ่มน้ำ’ ก็ตาม แต่ก็เชื่อกันว่าจะเดินต่อไปได้ แต่จะยาวแค่ไหนไม่มีใครรับประกันได้
.
รวมทั้งกระแสการตั้งรัฐบาล ‘ขั้วที่ 3’ หลบออกจากขั้ว ‘พลังประชารัฐ’ ของพรรคตัวแปรต่างๆทั้ง ‘ภูมิใจไทย-ปชป.-ชาติไทยพัฒนา’ แต่มีการมองว่าเป็นเพียง ‘การต่อรอง-งัดข้อ’ หรือ ‘แรงเสี้ยม’ ทางการเมืองเท่านั้น เพราะยังมีความเชื่อที่ว่าสุดท้ายแล้ว ‘พลังประชารัฐ’ ก็คือแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาลก็ต้อง ‘ต่อรอง’ และสร้าง ‘หลักประกัน’ ให้กับพรรคว่าจะได้กระทรวงที่พรรคจะสามารถเข้าไปขับเคลื่อนนโยบายได้และไม่เสียศักดิ์ศรี

ทว่าอย่าลืมเหตุการณ์ทางการเมืองช่วง 3 เดือนกว่าที่ผ่านมา ที่มีเหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ให้เห็นมาแล้ว รวมทั้งเหตุการณ์ที่ทำให้ ‘หลายคำถาม’ ได้คำตอบชัด และทำให้ ‘ต่อจิ๊กซอว์การเมือง’ ได้ชัดมากขึ้น แน่นอนว่า ‘พรรคตัวแปร’ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ – พรรคภูมิใจไทย – พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ต่างเห็นถึง ‘ทิศทางลม’ นี้ดี เพื่อฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลขึ้นมา แม้จะมีภาพ ‘รัฐบาลเอื้ออาทร’ เพราะมาจาก 20 พรรคก็ตาม
.
ยังไม่นับรวมการจัดโผ 250 ส.ว. ของ คสช. ที่มีชื่อ ‘คนใน-คนใกล้ชิดคสช.-รัฐมนตรี-สนช.’ ไปร่วมทัพอีกครั้ง หลัง 15 รัฐมนตรีลาออก 4 รองหัวหน้า คสช. ก็ลาออกเช่นกัน ได้แก่ ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ‘บิ๊กเข้’พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ‘บิ๊กจิน’พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และ ‘บิ๊กอู๋’พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว โดยทั้ง 4 คน เป็น อดีต ผบ.เหล่าทัพ ช่วงเหตุการณ์รัฐประหาร 22พ.ค.57 ด้วย พร้อมทั้งมีกระแสว่ามี สนช. กว่า 60 คนไปลาออก เพื่อเตรียมไปเป็น ส.ว.
.
ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ชี้แจงเรื่องนี้เพียงว่า “มีเพียงส่วนเดียวเอง เพราะคนเขาก็อยากทำงาน ก็ลาออกไปทำงาน ก็ช่วยรัฐบาล ส่วนอื่นก็ไม่มี ก็มีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น แหม เรื่องใหญ่โต” แต่สิ่งที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนักคือชื่อของ ‘บิ๊กติ๊ก’พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายนายกฯ ที่ยอมรับว่าลาออก สนช. มาเป็น ส.ว.
.
“สนช.ก็เป็นแล้ว ก็เป็นต่อ ไม่เป็นไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
ซึ่ง ส.ว. ก็คือโลกอีกใบของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเข้าสภาไปแล้ว และหาก ‘2ป.ป้อม-ป๊อก’ ได้กลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอีกครั้ง ก็จะเป็นอีก ‘กองหนุน’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย และทั้ง พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต่างเป็น ‘ที่ปรึกษา คสช.’ ด้วย จึงเป็นภาพสะท้อนว่า คสช. นั้น Never Die จริงๆ