ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 เมษายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | เชิงบันไดทำเนียบ |
ผู้เขียน | ปรัชญา นงนุช |
เผยแพร่ |
2 เดือนที่ผ่านมากระแส ‘ทักษิณ ชินวัตร’ กลับมาขึ้นในไทย หลังเคลื่อนไหวรับห้วงเลือกตั้ง-หาเสียง โดยเฉพาะเหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ 8ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ทำให้ชะตาของพรรคไทยรักษาชาติ เปรียบยืนอยู่ ‘บนเส้นด้าย’ จนนำมาสู่ศาล รธน. มีมติยุบพรรค
.
ต่อมาคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าร.ร.เตรียมทหาร ได้มีมติถอดชื่อ ‘ทักษิณ’ ออกจากการเป็น ‘ศิษย์เก่าดีเด่น’ ที่ได้รับช่วงปี2534 ทำให้ถูกเรียกคือรางวัลเกียรติยศจักรดาวด้วย โดยยึดตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. เมื่อปี58 ที่มีคำสั่ง ‘ถอดยศ ตร.’ ด้วยเหตุผลด้านคดีความที่มีอยู่ รวมทั้งปรากฏการณ์เย็น 30มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ยิ่งเห็นชะตากรรม ‘ทักษิณ’ ที่ชัดมากขึ้น
.
โดย ‘บิ๊กกบ’พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ได้ออกมาตอกย้ำถึงการถอดชื่อจากศิษย์เก่า ตท. ดีเด่น ถึง ‘มาตรฐานจริยธรรม’ ที่ศิษย์เก่าเตรียมทหารพึงมี โดยเฉพาะเรื่องการรู้จัก ‘ที่ต่ำที่สูง’
.
“ศิษย์เก่าเตรียมทหารก็เป็นทหารและตำรวจ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่มีมาตรฐานทางจริยธรรม โดยเฉพาะมาตรฐานในความจงรักภักดี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ จะรู้และระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินทางใดทางหนึ่ง ผู้ใดล่วงละเมิดล่วงเกิน ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำ ก็จะต้องมีการดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้เป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึงปฏิบัติ” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
.
ซึ่งมีการมองว่าเป็นผลจาก ‘ฮ่องกง เอฟเฟกต์’ แต่ ‘บิ๊กกบ’ ได้ปฏิเสธ โดยระบุว่า “ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดจุดหนึ่ง ที่ต้องดำเนินการอย่างไร ก็จะต้องมีการเลือกระยะเวลาที่เหมาะสม โดยไม่อยากให้ส่งผลกระทบไปเรื่องการเมือง”
.
ล่าสุด ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้ตอกย้ำต่อจาก ‘บิ๊กกบ’ แม้จะไม่ได้พูดชื่อ แต่ก็รู้ถึงเป้าหมายที่ ‘บิ๊กแดง’ ต้องการจะสื่อสารถึง ‘ทักษิณ’ ที่ได้เน้นเรื่องคดีความกลับขึ้นมา รับกับเหตุผลการถอดชื่อจากศิษย์เก่า ตท.ดีเด่น และปรากฏการณ์เย็น 30มี.ค.ที่ผ่านมา
“ผมชื่นชมเศรษฐีมีเงิน มีอำนาจ มีบารมี หลายคนที่ได้ทำผิดพลาด กระทำความผิด ทุจริตคอรัปชั่น หรือโกงอะไรก็แล้วแต่ แต่เขาเหล่านั้นยอมรับกติกาของประเทศ ยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่มันเกิดขึ้น ยอมรับว่าศาลของประเทศไทยได้ถูกตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องถูกจำคุก หลายท่านต้องถูกเข้าจำคุกทั้งๆที่มีเงิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่ท่านยอมรับกระบวนการยุติธรรม ตนต้องขอยกย่อง และหลายท่านก็ออกมาแล้ว มาใช้อย่างเสรีภาพ กลับมาอยู่กับครอบครัว
.
นี่คือคนมีน้ำใจนักกีฬา คนที่ยอมรับกระบวนการตัดสิน หลายท่านมีเงินพร้อมที่จะหนีออกนอกประเทศ แต่ท่านยอมรับกระบวนการในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย มิใช่ทำอะไรผิดแล้วก็บอกว่าตัดสินแบบนี้ยอมรับไม่ได้ ไม่เคยยอมรับกระบวนการ แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อศาลสูง ศาลฎีกาเป็นผู้ทรงอำนาจด้านการยุติธรรมสูงสุดของประเทศ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
“ผมถามว่าคนรวยมีอำนาจไม่ต้องติดคุกหรืออย่างไรไม่ยอมรับกติกาหรือยอย่างอะไร แล้วคนที่เขามีเงิน มีอำนาจแล้วที่ติดคุกทำไมไม่ดูตัวอย่างไม่สงสารเขาบ้าง ทำไมเขายอมรับ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
ถือเป็นการสื่อสารสไตล์ ‘สายบู้’ ของ ‘บิ๊กแดง’ ที่ส่งไปถึง ‘ทักษิณ’ อย่างแทงใจไม่น้อย เพราะเรื่องคดีความถือเป็นสิ่งที่เป็น ‘ปมในใจ’ ของ ‘ทักษิณ’ ที่ย้ำมาตลอดว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมตลอด 10 กว่าปี และเคยมีวิวาทะกับ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและรวม.กลาโหม ที่ปิดประตูปรองดองให้ไปเคลียร์คดีให้ได้ก่อน จนเป็นที่มาเรื่อง ‘เกาะโต๊ะ’ นั่นเอง
.
ที่สำคัญจากกรณีที่พรรคเพื่อไทย จับมือกับแนวร่วม 7 พรรค ฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ได้ที่นั่งเกินครึ่งหนึ่งของสภา ส.ส. อีกทั้งย้ำถึงความชอบธรรมที่พรรคเพื่อไทยได้เก้าอี้ ส.ส. มากที่สุด พร้อมจะชู ‘หญิงหน่อย’คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็น นายกฯหญิงคนต่อไป แต่ก็ต้องนิ่งลง หลังปรากฏการณ์เย็น 30มี.ค.ที่ผ่านมา จนมีการยกชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แครดิเดตนายกฯเพื่อไทยอีกคน ขึ้นมาแทน ด้วยเป็น ‘มือกฎหมายของพรรค’ จึงทำให้มีการมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ ‘กฎหมายนำการเมือง’ หรือไม่
.
อีกทั้งอย่าลืมว่าเหตุการณ์เย็น 30มี.ค. ก็ทำให้ ‘พรรคตัวแปร’ อย่าง ‘ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์’ รู้ว่าจะต้องติดสินใจอนาคตการเมืองอย่างไร รวมทั้ง ‘บิ๊กแดง’ กล่าวถึงการ ‘ลงสัตยาบัน’ ที่สุดท้ายก็ฉีกได้ และเป็นกิจกรรมของ ‘พวกซ้ายตกขอบ’ ด้วย
.
“ชีวิตตนผ่านเห็นทั้งการปฏิวัติ รัฐประหาร การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้กระทั่งสัตยาบันที่ทำกันตั้งแต่สมัย 2534 มีนักการเมืองหลายท่านลงสัตยาบันกัน ทั้งนายมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ลงสัตยาบันจะตั้งพรรคการเมืองกัน และจะตั้งรัฐมนตรีกัน ท้ายที่สุดแล้วก็ฉีกสัตยาบันทิ้ง นี่คือวาทการเมือง เกมของการเมือง เป็นกิจกรรมเป็นของทางการเมือง ซึ่งถูกชี้นำแนะนำโดยนักการเมืองแบบเดิมๆหรือพวกซ้ายตกขอบ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
แต่ในสภาวะเช่นนี้ก็มีการมอง ใช่ว่าชื่อ ‘ลุงตู่’ จะเป็น ‘คำตอบสุดท้าย’ เสมอไป มีการมองไปถึงการมี ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ และการมี ‘นายกฯโทลเวย์’ มาทำการรีเซ็ตการเมืองขึ้นใหม่ ในระยะเวลา 1 ปีอย่างน้อย เพื่อแก้ปัญหา ‘ความขัดแย้ง’ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บิ๊กตู่’ ได้พ้นจากตำแหน่ง ‘กรรมการกลาง’ มาเป็น ‘ผู้เล่น’ ที่อยู่กลาง ‘ศึกความขัดแย้ง’ นี้ด้วย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกปูทางมาด้วย ‘เอา – ไม่เอาคสช.’ จึงทำให้ผลคะแนน-เก้าอี้ส.ส. ของ ‘เพื่อไทย-พลังประชารัฐ’ งัดข้อกันอยู่ ต่างฝ่ายต่างชิงความได้เปรียบฟอร์มทีมรัฐบาล จึงเริ่มมีการมองหาชื่อคนอื่นๆ หากสุดท้ายแล้วจะต้องมี ‘นายกฯคนนอก’ จริงๆขึ้นมา แต่สถานการณ์ยัง ‘ไม่สุกงอม’ เพียงพอในเวลานี้
อีกทั้งสถานการณ์หลังเลือกตั้ง ที่ กกต. ถูกกระแสวิจารณ์การทำงานอย่างหนัก ส่งผลไปถึงความเชื่อถือต่อสังคม แถมเป็น ‘แรงสวิง’ ที่ตีกลับไปยัง คสช. – รัฐบาล ด้วย ในการโจมตีทางการเมืองด้วย
.
ทั้งหมดนี้จึงเป็น สภาวะบ้านเมือง ที่ ‘บิ๊กแดง’ ได้นิยามไว้ว่า “วัฏจักรแห่งการล้างแค้น” ที่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆไม่เดินหน้าไปไหน เป็นเรื่องของทีใครทีมันแทน
.
“ปล่อยให้ไปตามครรลอง ใครไม่ดีต้องพิสูจน์กันด้วยงาน ด้วยฝีมือ ถ้าตนทำไม่ดี ก็ต้องถูกย้าย ฉะนั้นทุกคนขอให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการมวยชกกัน ไอ้นี่แพ้ก็มาโทษกรรมการ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่มีวันจบวัฏจักรแห่งการล้างแค้น แห่งการไม่พึงพอใจกัน ไม่มีวันจบ ทำอย่างไรถึงจะให้จบ ผมบอกแล้วว่า เดี๋ยวพูดแรงไป พอเลิก” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
เป็นการทิ้งท้ายให้สัมภาษณ์ของ ‘บิ๊กแดง’ ทำให้ต้องฉุกคิดไม่น้อย ที่ไม่ขอระบุต่อว่าจะ ‘จบอย่างไร’ ในเรื่องของ ‘ทักษิณ’ เพราะเดี๋ยวจะพูดแรงไป โดยช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ทักษิณ’ ก็นิ่งเงียบไป ช่วง 2 เดือนต่อจากนี้ จับตาสถานการณ์ต่างๆให้ดีๆ เพราะอะไรที่ว่าจะไม่ได้เห็น ก็ได้เห็นกันมาแล้ว