‘บิ๊กแดง’ สตรอง กลางพายุการเมือง ส่องอนาคต ‘บิ๊กป้อม’ จัดโผ ส.ว.

เข้มแข็ง สมาร์ต วินัยเป๊ะ ‘ทหารคอแดง’ ลูก ‘พ่อจ๊อด’ ทหารต้นแบบ

‘บิ๊กแดง’ ลูก ‘พ่อจ๊อด’ สตรอง กลางพายุการเมือง

ส่องอนาคต ‘บิ๊กป้อม’ จัดโผ ส.ว.

กองทัพในยุคเปลี่ยนผ่าน มีการเปลี่ยนแปลงโครงการกองทัพ โดยเฉพาะ ทบ. ทั้งการที่ พล.1 รอ. พล.ร.2 รอ. พล.ม.2 รอ. และบางหน่วยของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ได้ขึ้นเป็นหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)

โดยที่ ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. ได้แปรสภาพกลายเป็นหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็น ร.1 มหด.รอ. และ ร.11 มหด.รอ.

บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เอง ก็ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นนายทหารพิเศษประจำ ทม.รอ. ที่สามารถแต่งเครื่องแบบและติดอาร์มเครื่องหมายต่างๆ แบบ ทม.รอ.

พล.อ.อภิรัชต์ ที่นอกจากเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบรียบร้อยของ คสช. และเป็นประธานบอร์ดกองสลากฯ และเป็น บอร์ดสำนักงานทรัพย์สินฯ แล้ว ยังทำหน้าที่ของ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะๆ

เช่นเดียวกับเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ที่ไปทำหน้าที่ปกติ แต่เกิดปรากฏการณ์ 8 กุมภาพันธ์ ขึ้นมาพอดี พล.อ.อภิรัชต์จึงได้ทำหน้าที่ในการประสาน จนทำให้ทุกอย่างจบลงในคืนวันนั้น

 

ลักษณะเด่นของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) นั้น พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า ต้องแข็งแรงทุกคน และมีความสง่างาม ระเบียบวินัยเป๊ะ

จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์เผยว่า ได้ให้ทหาร ทม.รอ. เป็นครูฝึกให้บรรดานายทหารผู้ฝึกทหารใหม่ เพื่อที่จะทำให้การฝึกทหารเกณฑ์ของทหารใหม่ของ ทบ. เป็นแบบเดียวกับการฝึกของ ทม.รอ. โดยเริ่มตั้งแต่ผลัด 2 เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการ “ทหารต้นแบบในอนาคต”

ทั้งนี้เพราะ ทม.รอ.มีการฝึกหลักสูตรต่างๆ ที่เป็นหลักสูตรพระราชทาน โดยที่ พล.อ.อภิรัชต์และนายทหารระดับนายพล ผบ.หน่วย ก็หมุนเวียนกันไปฝึกหลักสูตรเหล่านี้มาแล้วเช่นกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.อภิรัชต์นำห้าเสือ ทบ. และนายพล ทบ. และที่เป็น ผบ.หน่วยใน ฉก.ทม.รอ.904 ทดสอบร่างกาย ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ทหาร ทม.รอ.มีความแข็งแรงกันทุกคน

“ทหาร ทม.รอ.แข็งแรงทุกคน เวลาวิดพื้น หัวเข่าจะต้องไม่โดนพื้นเลย” บิ๊กแดงกล่าว

ที่สำคัญในวันนั้น ทำให้เห็นลักษณะเด่นของทหาร ทม.รอ.อีกประการคือ การแต่งกาย แม้แต่ชุดออกกำลังกาย ก็จะเป็นเสื้อยืดสีขาวคอกลมขลิบสีแดง ขอบแขน 2 ข้างขลิบสีแดง และนุ่งกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบสำหรับวิ่งสีดำหรือสีเข้ม

โดยที่ พล.อ.อภิรัชต์จะสวมรองเท้า Asics ลายพรางสีเข้ม ที่เป็นรองเท้าพิเศษ ที่ตอนนี้ในกองทัพบกได้รับมาแค่ 4 คู่ รวมทั้งบิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 และเสธ.อ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.พล.1 รอ. ที่เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

นอกจากนี้ยังมีบิ๊กนัย พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ที่ก็คุมหน่วยรบพิเศษ ทั้งกรมรบพิเศษที่ 1 และกรมรบพิเศษที่ 3 ที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ที่ก็เรียกขานกันว่าเป็น “รบพิเศษคอแดง”

เหล่านี้จึงทำให้ “ทหารคอแดง” เริ่มเป็นที่รู้จักและคุ้นตาของประชาชน โดยเป็นการโชว์ผ่านสื่อครั้งแรก

ไม่แค่นั้น เสื้อยืดคอแดงนี้ จะเป็นเสื้อซับในที่นายทหารที่อยู่สังกัด ฉก.ทม.รอ.904 จะสวมใส่เวลาสวมเครื่องแบบปกติ และชุดพราง บริเวณที่เป็นคอกลมสีแดงก็จะโผล่มาให้เห็น อันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นทหาร ทม.รอ.

โดยหากเป็นทหารที่สังกัดกองทัพบก จะหมายถึงนายทหารที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ที่มี พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

รวมทั้งทำให้เห็นความพร้อมเพรียงและความเป็นระเบียบวินัย แม้แต่นายทหารบกที่ไม่ได้เป็นทหารคอแดง ก็ยังแต่งชุดกีฬา ด้วยการนุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อขาวหมด แม้จะไม่ใช่ “คอแดง” ก็ตาม

พล.อ.อภิรัชต์ได้แสดงให้เห็นถึงการวิ่งออกกำลังกายเป็นหมวดหมู่ของทหาร ที่ฝึกกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร และนักเรียนนายร้อย จปร. แต่มาเสริมด้วยรูปแบบของ ทม.รอ.

โดยวิ่งไปและร้องเพลงมาร์ช เพลงปลุกใจไป ที่สอดรับกับวิทยุเสียงตามสายใน บก.ทบ. ที่เปิดเพลงรัวๆ ทั้งเช้า กลางวัน เย็น แม้จะมีเพลงอื่นๆ ด้วย แต่เพลงหนักแผ่นดิน ทั้งเวอร์ชั่นอะคลูสติก และเวอร์ชั่นแจ๊ซ และต้นฉบับดั้งเดิม

ตั้งข้อสังเกตกันว่า ท่ามกลางกระแสโจมตีกองทัพจากนักการเมืองพรรคคู่แข่งของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.และ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากการส่งสัญญาณเพลง “หนักแผ่นดิน” แล้ว

พล.อ.อภิรัชต์ต้องการแสดงให้เห็นว่า กองทัพสตรอง ไม่สะทกสะท้านใดๆ แต่กลับมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ตามม็อตโต้ที่ว่า Smart Soldiers, Strong Army

“เรายิ่งสตรอง” บิ๊กแดงย้ำ พร้อมชี้ด้วยว่า ทหารเราทุกคนรักกันขนาดนี้

เพราะหลังปรากฏการณ์เพลงหนักแผ่นดิน พล.อ.อภิรัชต์ถูกฝ่ายต่อต้าน คสช. และนักการเมืองคู่แข่งบิ๊กตู่ รุมกระหน่ำอย่างหนัก รวมทั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ที่ระบุว่า เพลงหนักแผ่นดิน เป็นการปลุกความรุนแรง และอดีตการเข่นฆ่าคอมมิวนิสต์ และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

แต่ก็ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์กลายเป็นผู้ปลุกฟื้นชีพเพลงมาร์ช เพลงหนักแผ่นดิน เพราะทำให้เพลงนี้ในทุกเวอร์ชั่น ถูกนำกลับมาเปิดอีกครั้ง แม้แต่การแต่งเพลงแร็พใหม่ “ประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน” ที่เชื่อกันว่าเป็นฝ่ายแนวร่วม คสช.ทำขึ้นมา

กระนั้น พล.อ.อภิรัชต์ก็กลายเป็นตำบลกระสุนตก เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์พี่เลิฟ โดยเฉพาะการถูกจับตามองว่า ในที่สุดแล้ว จะเอาอย่างพี่ตู่ด้วยการรัฐประหาร แล้วเป็นนายกฯ เองหรือไม่ เพราะกระแสข่าวปฏิวัติซ้อนก็ยังคงมีอยู่หลังการเลือกตั้ง แม้ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์จะปฏิเสธแล้วว่าเป็นแค่ข่าวลือ

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อ เพราะประสบการณ์ของคนไทย การรัฐประหารมักจะลับลวงพราง จะทำก็บอกว่าไม่ทำ

ยิ่ง พล.อ.อภิรัชต์เป็นลูกชายของบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ในนามประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จะเดินตามรอยเท้าพ่อ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติในอนาคตหรือไม่

“สถานการณ์เมื่อ 28 ปีก่อน สมัยคุณพ่อ กับสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่าง มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมคงไม่เดินตามรอยเท้าพ่อ แต่มีคนจ้องจะโยงความเป็นพ่อและลูกในเรื่องแบบนี้มาตลอด” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

กระแสข่าวลือปฏิวัติรัฐประหาร ที่แม้จะสยบด้วยการไปเดินตากฝนร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ลพบุรีมาแล้วก็ตาม แต่การรัฐประหารในอนาคต โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง ยังคงสะพัด

จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ต้องให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เพื่อสยบข่าวลือและรักษาภาพพจน์ประเทศไทยที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

“ไม่มีใครอยากปฏิวัติ เรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ถ้าประเทศวุ่นวาย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศภาวะฉุกเฉิน และขอให้ไว้วางใจผม ผมเคารพรัฐธรรมนูญ ผมเป็นทหารอาชีพ” พล.อ.อภิรัชต์กล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า Trust me. I respect the constitution. I am a professional Soldier.

พร้อมยืนยันว่า จะทำงานกับทุกรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เพราะถ้ารัฐบาลสั่งแล้วกองทัพไม่ทำตาม ก็คือขัดกฎหมาย ผมเป็นทหารอาชีพ ผมเคารพกฎหมาย

 

แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นห่วงคือ การทำลายกองทัพ สร้างความเกลียดชังทหารในหมู่ประชาชน เป็นแผนขั้นหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องการทำให้กองทัพล่มสลาย แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับสถาบัน เพราะทุกวันนี้มีพวกที่ก้าวล่วงจาบจ้วงอยู่

“คุณพ่อผม และ ผบ.เหล่าทัพในยุคนั้น ท่านทำหน้าที่ของท่านอย่างดีที่สุด ในการแก้ปัญหาตอนนั้น” บิ๊กแดงเปรย

“คุณพ่อเป็นทุกอย่างของผม เป็นไอดอล เป็นต้นแบบที่ทำให้ผมอยากเป็นทหาร เริ่มจากการเป็นนักบินก่อน พ่อสอนทุกอย่างมาตั้งแต่ผมเด็กๆ ทุกวันนี้ผมยังคิดถึงคุณพ่อ และไปไหว้พ่ออยู่เสมอๆ” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

จึงไม่แปลกที่เมื่อครั้งที่ไปประชุมที่ บก.กองทัพไทย พล.อ.อภิรัชต์จะเข้าไปกราบและลูบที่ป้ายชื่อของ พล.อ.สุนทร บนทำเนียบนามอดีต ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมน้ำตาคลอ

 

ผลพวงจากปรากฏการณ์เพลงหนักแผ่นดิน ไม่ใช่แค่ทำให้ พล.อ.สุนทรถูกขุดขึ้นมาพูดถึงเท่านั้น แต่เรื่องการฟ้องร้องมรดกในอดีต ก็ยังถูกฟื้นฝอย

และส่งผลให้ พล.อ.อภิรัชต์ถูกข่าวปลอมถล่ม ด้วยการปล่อยข่าวทางโซเชียลว่ามีคฤหาสน์หรูกว่า 200 ล้าน แถมให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เก็บเงินซื้อเอง จนทำให้ คสช.ต้องแจ้งดำเนินคดีและสั่งปิดเว็บเพจที่ปล่อยข่าวปลอมนั้น

เพราะ พล.อ.อภิรัชต์นั้นอาศัยอยู่บ้านใน ร.11 รอ. ตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ ขณะที่บ้านส่วนตัวก็มีแค่บ้านของพันเอกหญิง คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ มารดาผู้ล่วงลับ ย่านประชาชื่น หลังเดิมเท่านั้น ไม่เคยมีบ้านหลังอื่น

ส่งผลให้ พล.อ.อภิรัชต์รู้แล้วว่า การจะสู้ศึกการเมืองในยุคนี้จะต้องพบเจออะไรอะไรบ้าง ในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งที่เขาเป็น ผบ.ร.11 รอ. ที่ออกมาปกป้องกองทัพบก ปกป้อง ผบ.ทบ. และปกป้องสถาบัน

“ยังไงก็สตรอง” พล.อ.อภิรัชต์ย้ำในจุดยืนเดิม

ขณะที่ในการสร้าง Strong Army นั้น พล.อ.อภิรัชต์ก็ต้องจัดโผทหารนี้อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างทหารคอแดง และทหารบกทั่วไป

แม้ว่าในการโยกย้ายครั้งนี้ บิ๊กตู่น้อย พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ. จะไม่ได้ลาออกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตามที่เคยมีข่าวสะพัดก็ตาม

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังไม่รีบร้อนขยับ 5 เสือ ทบ. เพื่อเปิดทางให้บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นห้าเสือ ทบ. เพราะยังไงในการโยกย้ายกันยายนนี้ก็ต้องขึ้นมาจ่อเป็น ผบ.ทบ. เมื่อบิ๊กแดงเกษียณกันยายน 2563 อยู่แล้ว อีกทั้งต้องการให้บิ๊กบี้คุมกำลังต่อไป เพราะต้องทำหน้าที่รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

แม้จะมีรายงานว่า ตำแหน่งรองปลัดกลาโหมว่างลง เพราะมีการเสนอชื่อบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เตรียมทหาร 19 ข้ามไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ที่จะลาออกไปเป็น ส.ว.ก็ตามที

แต่ก็คาดว่าจะให้เป็นโควต้าของกลาโหม ที่จะดันพลเอกที่อาวุโสในกลาโหมขึ้นรองปลัดกลาโหม ครองอัตราพลเอกพิเศษ มากกว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์จะส่ง พล.อ.กู้เกียรติ เพื่อน ตท.20 หรือส่งใครในห้าเสือ ทบ. ข้ามมา เพราะ พล.อ.กู้เกียรติก็ไม่อยากที่จะลาจาก ทบ.อยู่แล้ว เพราะอุตส่าห์ไม่ลาออกไปเป็น ส.ว.

แม้ว่าบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานคณะกรรมการคัดสรร ส.ว.ก็ตาม

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์มอบ พล.อ.ประวิตรคัดสรร ส.ว.แบบเงียบๆ โดยไม่ประกาศรายชื่อคณะกรรมการของ คสช. ตั้งแต่ต้น

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นเรื่องบารมีของ พล.อ.ประวิตรในการจัดโผ ส.ว. ที่อาจสะท้อนได้ว่า หลังการเลือกตั้ง หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรจะวางมือไม่ร่วมรัฐบาลแล้ว เพราะมีโควต้าเก้าอี้ รมต.ให้พรรคต่างๆ มากมาย โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์จะควบ รมว.กลาโหมเอง หรืออาจมีบิ๊กทหารในตำแหน่งสำคัญลาออกมานั่งคุมทหาร

แต่ พล.อ.ประวิตรจะทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะการคุมเสียง ส.ว.ที่เลือกมากับมือ และรวมทั้งการดีลกับนักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ ในฐานะที่มีส่วนช่วยในพลังดูดของพรรคพลังประชารัฐมาด้วยนั่นเอง

เพราะต้องอาศัยฝีมือและบารมีระดับพี่ใหญ่ในการดูแลรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์หลังเลือกตั้ง เพราะเชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรก็ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาล เคลียร์ทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ ให้ได้ตามแผน

พล.อ.อภิรัชต์จึงเป็น ผบ.ทบ.ที่มีความสำคัญต่อ พล.อ.ประยุทธ์อย่างยิ่งในฐานะที่คุมเหล่าทัพที่ใหญ่ที่สุด และมีสถานะพิเศษอีกด้วย

  จึงไม่แปลกที่ทุกความเคลื่อนไหวใน ทบ. และทุกคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์จะถูกจับตามองทุกฝีก้าว พร้อมๆ กับการตกเป็นเป้าหมายทางการเมืองด้วยนั่นเอง