E-DUANG : ท่าที อองซาน ซูจี ต่อ “โรฮินจา” ไฉนเป็นเช่นนี้

AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA

กรณีของ”โรฮินจา”กำลังกลายเป็น “หินลองทอง” อันคมแหลมในการเผยตัวตนและความเป็นจริงของ อองซาน ซูจี

หลายคนรู้สึก”ผิดหวัง”
จากที่เคยคิดว่า อองซาน ซูจี ถูกข้อจำกัดจากรัฐธรรมนูญในระยะ”เปลี่ยนผ่าน”ของทหารบีบบังคับ
กลับกลายเป็นว่า “ไม่ใช่”
ความผิดหวังนี้เองก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องรางวัล”โนเบล”ที่เธอได้มาคืน
เพราะเท่ากับชีวิต”โรฮินจา”ไร้ค่าในมุมของ อองซาน ซูจี
หลายคนมอง อองซาน ซูจี อย่างที่เคยมองในสถานการณ์การต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ”ทหาร”
มองในฐานะ”นักต่อสู้” มองในฐานะ”นักประชาธิปไตย”
กระทั่ง ลืมไปแล้วว่า “สถานะ”ของ อองซาน ซูจี ได้เปลี่ยนไปแล้วภายหลังการเลือกตั้ง ภายหลังการเข้ามาอยู่ในฐานะรัฐบาล
จึงมองข้ามบทบาท”ชนชั้นปกครอง”ไป

เมื่อ อองซาน ซูจี ผันตัวเองจาก “ฝ่ายค้าน” มาดำรงอยู่ในฐานะแห่ง “รัฐบาล”

ยอมรับเถิดว่านี่คือ “ความเปลี่ยนแปลง”
เป็นความจริงที่ อองซาน ซูจี เป็นนักการเมืองซี่งมีฐานมาจาก การเลือกของประชาชน
ตรงนี้แตกต่างจาก”ทหาร”ที่มาจาก”ปากกระบอกปืน”
แต่ยอมรับหรือไม่ว่า รัฐบาล อองซาน ซูจี ก็ต้องบริหารประเทศไปตาม “รัฐธรรมนูญ”
เป็นรัฐธรรมนูญ”ทหาร”ในยุคแห่ง “การเปลี่ยนผ่าน”
ขณะเดียวกัน อองซาน ซูจี ก็เป็นชนชาติ “พม่า” เหมือนกันกับนายพลทั้งหลายแห่ง “กองทัพ”
เหล่านี้ล้วนเป็น “พันธนาการ” เข้ามา “ร้อยรัด”

ลองย้อนกลับไปยัง “ถ้อยคำ” อันยิ่งใหญ่และกึกก้องยิ่งจากปลายปากกาของ ญาง ยาร์ค รุสโซ ที่ว่า

ทุกคนเกิดมา”เสรี” แต่ก็ถูก”โซ่ตรวน”ทางสังคมรัดร้อย
ไม่เพียงแต่จะเป็นโซ่ตรวนในทาง “เชื้อชาติ” หากยังเป็นโซ่ตรวนในทาง “รัฐธรรมนูญ”
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโซ๋ตรวนแห่ง”ชนชั้นปกครอง”
การอยู่ในฐานะ “รัฐบาล” การอยู่ในฐานะ “ฝ่ายปกครอง”ได้แปรเปลี่ยน อองซาน ซูจี คนเก่า ให้กลายเป็น อองซาน ซูจี คนใหม่ขึ้นมา
การมอง อองซาน ซูจี ตามความเป็นจริงที่มีการแปรเปลี่ยนจึงสำคัญ
สำคัญเหมือนกับที่เห็น โดนัลด์ ทรัมพ์ ไม่เหมือนเดิม
สำคัญเหมือนกับที่เห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้ง ไม่เหมือนเดิม
อองซาน ซูจี ตอนนี้จึงกลายเป็นอีก อองซาน ซูจี
พันธนาการแห่ง”เชื้อชาติ” พันธนาการแห่ง”รัฐบาล”จึงสำคัญ