รายงานพิเศษ / เคลียร์ทาง ‘บิ๊กตู่’ ดูใจ ‘บิ๊กป้อม’ จับตา โผเมษาฯ ก่อนเลือกตั้ง กับบทบาท ‘บิ๊กแดง’ กลางศึก และตัวตน ‘อภิรัชต์’

รายงานพิเศษ

 

เคลียร์ทาง ‘บิ๊กตู่’

ดูใจ ‘บิ๊กป้อม’

จับตา โผเมษาฯ ก่อนเลือกตั้ง

กับบทบาท ‘บิ๊กแดง’ กลางศึก

และตัวตน ‘อภิรัชต์’

 

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไฟเขียวจากทุกทิศทางให้เดินหน้าสู่สนามการเมือง เพื่อที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 นี้

ทั้งจาก อ.น้อง นราพร จันทร์โอชา ภริยา และลูกสาวฝาแฝด ที่ถือว่าเป็นกล่องดวงใจ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะระบุว่า บางเรื่องก็ไม่ได้ปรึกษาหารือกับครอบครัวก็ตาม แต่ใครๆ ก็ย่อมรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์รักครอบครัวมาก อีกทั้งการเล่นการเมืองต่อ ย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว

อีกทั้งเป็นที่รู้กันดีว่า รศ.นราพร ก็เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด

“ครอบครัวผมเข้าใจสถานการณ์ของผม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

รวมทั้งบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ ก็หนุนเนื่อง ทั้งเพื่อนเตรียมทหาร 12 ที่ก็ช่วยงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทั้งบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ บิ๊กเต่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ บิ๊กอ้อ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ

และบรรดาน้องๆ คนสำคัญ ทีมไทยคู่ฟ้า นำโดย เสธ.มิตต์ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัตน์ และเสธ.เก๋ พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสวณิชยพงศ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายกฯ น้อย ที่คอยช่วยงานข้างกายมายาวนาน ตั้งแต่อยู่ในกองทัพ ที่ก็จะต้องช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

รวมถึงผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ โดยเฉพาะสัญญาณจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ประกาศเป็นกองหนุน และชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด รวมทั้งบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ.

โดยเฉพาะพี่ๆ เช่น บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่รัฐบาล คสช. บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ก็สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อให้จบ

แม้ว่าหลังการเลือกตั้งจะมีข่าวสะพัดในกองทัพว่า พล.อ.ประวิตรจะวางมือทางการเมืองก็ตาม เพราะบอบช้ำอย่างหนักมาตลอดกว่า 4 ปีที่มาเป็นรัฐบาล โดนกระหน่ำเรื่องหนักมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องนาฬิกาหรู ที่แม้รอดการพิจารณาของ ป.ป.ช. แต่ก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ทางสังคม

รวมทั้งความผิดพลาดที่เกิดจากคำพูดในการให้สัมภาษณ์ หรือการพูดเล่น ในสิ่งที่ไม่ควรพูด แถมออกไมค์ด้วย จนทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องงดให้สัมภาษณ์มาเป็นสัปดาห์ๆ

ท่ามกลางความเป็นห่วงว่า หาก พล.อ.ประวิตรไม่อยู่ใน ครม. แต่ไปช่วยอยู่เบื้องหลังนั้น แล้วใครจะมาเป็น รมว.กลาโหม ที่เปี่ยมบารมีเทียบเท่าได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควบทั้งนายกฯ และ รมว.กลาโหม

แต่ พล.อ.ประวิตร ยังคงมีภารกิจสุดท้ายในการช่วยให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ ให้ได้เสียก่อนที่จะวางมือไปอยู่เบื้องหลัง

แม้จะมีบรรดาอดีต ผบ.เหล่าทัพ ที่เกษียณราชการไปแล้วหลายคนมีความเหมาะสม แถมเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตรก็ตาม

รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ที่ก็เป็นอดีต ผบ.ทบ. ที่ก็สามารถเป็น รมว.กลาโหมได้ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ดูจะไม่ชอบที่จะมาคุมทหาร เพราะจะกลายเป็นเป้าใหญ่ทางการเมือง

จึงมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกมาด้วยตนเอง เพื่อที่จะเป็น รมว.กลาโหมสายตรงที่ฟังตัวเอง โดยไม่ต้องเกรงใจ เฉกเช่นตลอดเวลาที่ พล.อ.ประวิตรเป็น รมว.กลาโหมมาตลอด

โดยคาดกันว่าจะเป็นนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล แต่ทว่าไปทำหน้าที่สำคัญอื่นแทนในตอนนี้

ที่สำคัญคือ มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ถือว่าเป็น ผบ.เหล่าทัพที่มีเพาเวอร์ที่สุด ในฐานะที่คุมเหล่าทัพใหญ่ แถมเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย และเป็น ผบ.ฉก.กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ (ทม.รอ.) 904 อีกด้วย

ในอีกทางหนึ่ง อาจมองได้ว่า เป็นการคุมกำเนิดอำนาจในกองทัพของ พล.อ.ประวิตร เดิม แล้วสยายปีกอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ในกองทัพให้มากขึ้น แม้ว่าฐานอำนาจในกองทัพของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นฐานเดียวกันก็ตาม

แต่ก็เป็นการสร้างฐานอำนาจที่ไว้วางใจได้ และอยู่ในแถวในแนวมากขึ้น

พล.อ.อภิรัชต์จึงมีความสำคัญ มีเพาเวอร์มากขึ้น โดยเฉพาะในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร จะเป็นคนวางตัวตำแหน่งสำคัญในทุกเหล่าทัพ

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า การแต่งตั้งโยกย้ายทหารกลางปี หรือที่เรียกว่าโผเมษายนนี้นั้น จะมีหมากเกมกลยุทธ์ทางการเมืองซ่อนแทรกอยู่ด้วยหรือไม่

แม้จะเป็นการโยกย้ายเพื่อรองรับการเกษียณราชการก็ตาม แต่เพราะจะมีนายทหารระดับบิ๊กหลายคนในทุกเหล่าทัพ จะลาออกไปทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะทำให้มีการขยับในหลายตำแหน่ง ที่อาจส่งผลให้มีการจัดวางตำแหน่งสำคัญ รองรับโยกย้ายใหญ่ปลายปีได้ด้วย

อีกทั้งกองทัพมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและหน่วยต่างๆ ใหม่ โดยเฉพาะหน่วยทหารรักษาพระองค์ และ ฉก.ทม.รอ.904 จึงทำให้การทำโผโยกย้ายครั้งนี้เร็วกว่าทุกปี ที่คาดกันว่า ภายใน 15 กุมภาพันธ์นี้ จะเห็นหน้าเห็นตาของโผแรก จากนั้นต้องทำให้เสร็จภายในต้นเดือนมีนาคม เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ ทัน 15 มีนาคม เป็นอย่างช้า เพราะโผจะมีผล 1 เมษายน

ที่สำคัญคือ เป็นช่วงเวลาที่กองทัพจะต้องมีภารกิจสำคัญมากมาย ทั้งการสนับสนุนพระราชพิธีสำคัญ การเป็นประธานอาเซียน และ รมว.กลาโหมอาเซียน การดูแลความปลอดภัย และการเลือกตั้ง 24 มีนาคม อีกด้วย จึงต้องทำให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

โดยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในระดับ 5 เสือ แต่ละเหล่าทัพ รวมทั้งใน บก.กองทัพไทย ที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร อยู่ในข่ายที่จะลาออกเพื่อไปเป็น ส.ว. และส่งผลให้ตำแหน่งว่างลง

แต่ที่ ทบ. บิ๊กตู่ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ. น้องรัก พล.อ.ประวิตร ก็ยืนยันแล้วว่าจะไม่ลาออก มีแค่บิ๊กอ้น พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา และบิ๊กสน พล.อ.สนธยา ศรีเจริญ เท่านั้น

 

ขณะที่กองทัพเรือ อาจมีการขยับ หากนายพลเรือที่อยู่กลาโหม หรือ บก.ทัพไทย ลาออก เพราะบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. กำลังถูกจับตามองว่า จะดันน้องรักอย่างบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ให้ขึ้นมาเป็นพลเรือเอก เพื่อเตรียมดันเป็นห้าฉลามทัพเรือ เพื่อให้จ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. กับบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. ที่ก็เป็นเตรียมทหาร 20 ด้วยกัน

“ไม่มีการโยกย้ายในตำแหน่งสำคัญ เป็นการโยกย้ายเท่าที่จำเป็น ไม่มีการเปลี่ยน 5 ฉลาม ทร.” พล.ร.อ.ลือชัยระบุ

แต่ก็เป็นที่น่าจับตามากว่า เมื่อแคนดิเดต ผบ.ทร.เป็น ตท.20 ด้วยกันทั้งคู่ และมี ตท.20 อีกหลายคนพร้อมสอดแทรก แล้ว พล.อ.อภิรัชต์จะสนับสนุนเพื่อนคนไหน

 

แต่กองทัพอากาศนั้น รู้กันดีว่า เมื่อบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ.เกษียณกันยายนนี้ เสธ.นัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เสธ.ทอ. จะกลายเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทอ.คนใหม่ แถมเป็น ตท.20 อีกด้วย

และคาดกันว่า เสธ.จ้อ พล.อ.ท.ธรินทร์ ปุณศรี รอง เสธ.ทอ. จะได้ขึ้นมาเป็นเสธ.ทอ. หรือ ผช.ผบ.ทอ. เพื่อขยับรอคิว เพราะเกษียณกันยายน 2564 ส่วน พล.อ.อ.มานัต เกษียณกันยายน 2563

และให้จับตาไปที่เจ้ากรมป้อม พล.อ.ท.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ เตรียมทหาร 22 ที่เข้าไลน์จ่อขึ้นมาต่อคิว

กล่าวได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเพื่อน ตท.20 ในแต่ละเหล่าทัพ ให้เติบโตขึ้นมาโดยเฉพาะ เป็น ผบ.เหล่าทัพ

เพราะเป็นจังหวะของ ตท.20 ที่โตขึ้นมาพอดี แต่เพราะว่ามีคนเก่งในรุ่นและในแต่ละเหล่าทัพหลายคน โดยเฉพาะใน ทร. จึงทำให้ต้องมีการคัดเลือกคนที่เหมาะที่สุด

เพราะตอนนี้มีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นปลัดกลาโหม ที่เกษียณกันยายน 2564 และ พล.อ.อภิรัชต์ ที่เกษียณกันยายน 2563 อยู่แล้ว โดยที่โยกย้ายปลายปีนี้ ก็จะมี ผบ.ทอ. เป็น ตท.20 และในตุลาคม 2563 ก็จะมี ผบ.ทร. เป็น ตท.20 เช่นกัน

ขณะที่ บก.ทัพไทยนั้น เมื่อบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด เกษียณกันยายน 2563 ก็มีเสธ.ชู พล.อ.ชูชาติ บัวขาว รอง เสธ.ทหาร สมาชิก ตท.20 ที่ไปจาก ทบ. ไปรอคิวโต เพื่อรอเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

แต่ก็จับตามองกันว่า จะมีการส่งบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ตท.20 อีกคนที่เป็นกำลังของ คสช.มาตลอด ข้ามไปเสียบเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือไม่

แต่ก็คงต้องวัดพลังกับเตรียมทหาร 21 หลายคนที่กำลังขยับขึ้นมารอจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดด้วยเช่นกัน

จึงไม่แปลกที่ในงานวันเกียรติยศจักรดาว วันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารนั้น บรรดานายทหาร ตท.20 ทุกเหล่าทัพ จะมารวมตัวกันเยอะมาก และต่างมาร่วมแสดงความยินดีกับ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว

แม้แต่ “พี่ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูจะสบตาและกระชับมือ พล.อ.อภิรัชต์อย่างแรง เพื่อยินดีกับน้องเลิฟคนนี้

 

“ไม่อยากโดดเด่นมาก เพราะโดนตลอด” พล.อ.อภิรัชต์ออกตัว

เพราะหลังจากที่ออกมา ปราม “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ไม่ให้เคลื่อนไหวล้ำเส้น กระทบต่อพระราชพิธี จนถูกนักการเมืองรุมกระหน่ำนั้น พล.อ.อภิรัชต์นิ่งรอดูสถานการณ์

แต่ก็ยังมีการโจมตี พล.อ.อภิรัชต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำภาพเมื่อครั้งที่ไปขอคืนพื้นที่ที่สถานีดาวเทียมไทยคม ที่ลาดหลุมแก้ว เมื่อปี 2554 แล้วถูกคนเสื้อแดงล้อมจนเกือบจะปะทะกัน โดยตอนนั้น พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ร.11 รอ. และใช้ปืนแก๊สน้ำตาในการป้องกันตนเอง ไม่ได้ใช้อาวุธจริงใดๆ

รวมทั้งการถูกปล่อยข่าวว่า การเป็นประธานบอร์ดกองสลากฯ ได้เงินเดือนเดือนละ 3-4 แสนบาท ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง พล.อ.อภิรัชต์เผยว่า ไม่มีเงินเดือน มีแต่เบี้ยประชุม ครั้งละ 12,000 บาท และประชุมเดือนละครั้งเท่านั้น

“อยู่ตรงนี้ก็ต้องโดนแบบนี้ แต่เราชี้แจงได้อยู่แล้ว” บิ๊กแดงระบุ

ท่ามกลางการเมืองร้อนแรงเข้มข้น เพราะมุ่งหน้าสู่เลือกตั้งนั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า “เราทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เรียบร้อย”

ส่วนทหารที่ไปติดตามนักการเมืองลงพื้นที่ ก็ไปดูแลความปลอดภัย ทำตามหน้าที่ และไปตามทุกพรรค ไม่ได้ไปคุกคามอะไร

มีหลายตำแหน่ง แถมมีภารกิจเยอะขนาดนี้ พล.อ.อภิรัชต์ก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เครียด

“ความจริงชีวิตผมก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนนะ ยังคงไปไหนได้ตามปกติ ไปเดินห้าง พาครอบครัว พาลูกสาวไปทานข้าว วันเสาร์อาทิตย์ก็ยังไป” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

เพียงแต่การนุ่งยีนส์ ใส่เสื้อเชิ้ต หรือเสื้อโปโล และสวมหมวกแก๊ป อาจจะทำให้ใครๆ จำไม่ได้ ยกเว้นที่เป็นคอการเมืองการทหาร

ส่วนหุ่นที่เป๊ะสมาร์ต ในยุคที่ต้องดูแลตัวเองเช่นนี้นั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ยังคงทานอาหารครบ 3 มื้อ อยากทานอะไรก็ทาน ไม่เคยต้องอดหรือเลือกอาหาร เพราะเรามีการออกกำลังกายดูแลตัวเองอยู่แล้ว

เห็นเป็นทหาร เข้มแข็งและแกร่งแบบนี้ พล.อ.อภิรัชต์เป็นนายทหารที่มีความอ่อนไหวอยู่ลึกๆ หากได้เห็นอะไรที่เกี่ยวกับบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุดและประธาน รสช. บิดาผู้ล่วงลับ ที่เป็นต้นแบบในการเป็นทหารของตนเอง

จนเคยน้ำตาคลอเมื่อไปกราบและลูบป้ายชื่อ พล.อ.สุนทร ที่ทำเนียบนาม ผบ.ทหารสูงสุด ที่ บก.กองทัพไทยมาแล้ว

รวมทั้งหากพบบุคคลที่เคยใกล้ชิด พันเอกหญิง คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ มารดาผู้ล่วงลับ

จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์มีน้ำตาคลอ เมื่อพบหน้า พล.ต.หญิง พิมพ์ผกา เพ็ญกิตติ อาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. ที่สนิทสนมกับมารดา ที่เข้าไปกราบและกอด พร้อมน้ำตาคลอ

พล.อ.อภิรัชต์ ขุนพลที่เป็นคีย์แมนสำคัญในยุคนี้ จึงเป็นนายทหารที่แข็งนอก แต่มีความอ่อนไหวอยู่ภายใน ตามประสามนุษย์ปุถุชน ในมุมที่ ใครๆ อาจคาดไม่ถึง

   แต่สถานการณ์บ้านเมือง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่เบื้องหน้านั้น พล.อ.อภิรัชต์ในบทแกร่ง พร้อมรับทุกสถานการณ์