วิเคราะห์ : ‘บิ๊กแดง’ แม่ทัพ คสช.สู้เลือกตั้ง เจาะแผง ผบ.เหล่าทัพ ยุคเปลี่ยนผ่าน ใครลูกเลิฟ น้องรัก ? แท็กทีมแน่นปึ้ก!

‘บิ๊กแดง’ แม่ทัพ คสช.สู้เลือกตั้ง เจาะแผง ผบ.เหล่าทัพ ยุคเปลี่ยนผ่าน

ใครลูกเลิฟ น้องรัก แท็กทีมแน่นปึ้ก จับตา ‘คณะผู้บัญชาการทหาร’

และวาทะ ‘แม่ทัพเรือ’

แม้จะเห็นความเคลื่อนไหวหนุนเลื่อนเลือกตั้ง ให้เลือกตั้ง และประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ออกมาอย่างต่อเนื่องหลายกลุ่ม จนทำให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง หวั่นว่าจะเกิดม็อบชนม็อบ สร้างสถานการณ์ขึ้น

แม้แต่ผู้การไก่ พล.ต.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ อดีต ผบ.ร.6 ที่คุมกำลังในการสู้ศึกเขาพระวิหาร ก็ยังพลีชีพอัดคลิปลงยูทูบ เรียกร้องคนไทยและนักการเมือง ยอมเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อจัดพระราชพิธีสำคัญ ให้สมพระเกียรติ

โดยที่ พล.ต.ธนศักดิ์ นั้น นายทหารอีสานที่รู้จักกันดีว่า เป็นน้องรักของบิ๊กเยิ้ม พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

ที่สำคัญคือ พล.ต.ธนศักดิ์ นั้นเป็นนายทหารยศพันเอก ระดับผู้การกรมคนเดียวที่อยู่ในราชการ ที่ได้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในเวลานั้น

ย่อมสะท้อนสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

 

แม้ พล.ต.ธนศักดิ์จะออกตัวว่า “นาย” ไม่ได้สั่ง แต่ทำเอง ในฐานะนายทหารที่ปกป้องชาติและสถาบันมาตลอด และในฐานะคนไทยคนหนึ่งด้วย

แต่ที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ก็ออกมายืนยันว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใกล้จะออกแล้ว

ทั้งนี้ เพื่อสยบกระแสข่าวลือต่างๆ นานา และสยบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

อีกทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็แสดงความพร้อมว่าหากกำหนดวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แล้วจะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ภายในไม่เกิน 9 พฤษภาคม 2562 เพื่อป้องกันไม่ให้การเลือกตั้งถูกร้องว่าเป็นโมฆะในภายหลัง

โดยมีบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ออกมาสำทับอีกเสียงว่า มีเลือกตั้งแน่ และจะไม่เป็นโมฆะ

แม้ว่าโทนเสียงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและมือกฎหมายของรัฐบาล คสช. จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ กกต.จะต้องบีบคั้นตนเองในการประกาศรับรองผล ส.ส.ให้ทัน เพราะเป็นห่วงว่าจะมีการร้องเรียนกันเป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่ชนะและคนที่แพ้ เพื่อหวังผลคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ก็ตาม

ท่ามกลางบางกระแสข่าวที่ทำให้ กกต.ตัดสินใจเช่นนั้น และป้องกันการเลือกตั้งเป็นโมฆะ หากเกินกรอบ 150 วัน

แต่กระนั้น กกต.ก็ส่งสัญญาณเตือนเรื่องการยุบพรรคเพื่อไทย ในข้อหาคนนอกครอบงำพรรค

เมื่อต้องเดินหน้าสู่เลือกตั้ง กองทัพที่เป็นกำลังหลัก เขี้ยวเล็บของรัฐบาล คสช. ในนามกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่มี พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.กกล.รส. ก็ต้องรับภาระหนักในการติดตามดูแลทั้งนักการเมือง ทั้งในแง่ความปลอดภัย และเก็บข้อมูลการทำผิดการเลือกตั้ง

รวมทั้งการติดตามกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ทั้งบนดินและใต้ดิน

อีกทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ล้วนแต่เป็นสมาชิก คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ที่เป็นเลขาธิการ คสช.ด้วย

สถานการณ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ผบ.เหล่าทัพ ในยุคนี้จึงต้องแท็กทีม สามัคคีเป็นหนึ่ง แม้จะไม่ได้รุ่นเดียวกันหมด  แต่ก็เป็นเพื่อน พี่น้องกัน

“บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นเพื่อนเตรียมทหาร 20 มาด้วยกัน

แถมซี้กันมากทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยเฉพาะทั้งคุณเปิ้ล-รมิดา อินทรเจริญ นายกสมาคมภริยา ข้าราชการสำนักปลัดกลาโหม กับ ดร.อ้อ-กฤษติกา คงสมพงษ์ นายกสมาคมแม่บ้าน ทบ. ที่สามีเป็นเพื่อน จปร.31 อีกด้วย

ขณะที่ “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด และบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. และบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 18 ด้วยกัน

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.พรพิพัฒน์จะแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการทางทหาร (ผบท.) และเชิญมาร่วมประชุม พบปะหารือกัน ทุกๆ 2 เดือน ก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ

เพราะในคณะผู้บัญชาการทหารนั้นมี พล.อ.พรพิพัฒน์ พล.อ.อภิรัชต์ พล.ร.อ.ลือชัย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ และ พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการทหาร

ทั้งนี้ “คณะผู้บัญชาการทหาร” จะมี “ศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.)” ตั้งอยู่ที่ บก.กองทัพไทย โดยมีลักษณะงานคล้ายๆ ศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) ของเหล่าทัพ

ที่ยิ่งทำให้ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้มีความสนิทสนมใกล้ชิดแน่นแฟ้น อีกทั้งส่วนใหญ่มีวาระอยู่ในตำแหน่ง 2 ปี มีแค่ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ที่จะเกษียณกันยายน 2562 ส่วน พล.อ.ณัฐ เกษียณกันยายน 2564 เลยทีเดียว

แต่แม้จะอายุน้อยที่สุดในบรรดา ผบ.เหล่าทัพ แต่เมื่อเวลายืนแถว พล.อ.ณัฐในฐานะปลัดกลาโหม ก็จะยืนเป็นคนแรกในฐานะข้าราชการประจำ เบอร์ 1 ของกระทรวงกลาโหม

กล่าวได้ว่า ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไปไหนไปกัน ร่วมหัวจมท้าย ทำอะไรก็ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง

 

อีกทั้งเมื่อดูผู้บัญชาการเหล่าทัพแบบรายตัวแล้ว ก็ล้วนมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้า คสช. พี่ใหญ่ที่นั่งคุมเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมด้วยทั้งสิ้น

เช่น พล.อ.ณัฐ ปลัดกลาโหม ได้ชื่อว่าเป็นลูกเลิฟของ พล.อ.ประวิตร ที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่อยู่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) และตามติดเป็นเงาตามตัว จนทุกวันนี้เสมือนเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตรด้วย

ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักสีกากีของ พล.อ.ประวิตร ที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในยุครัฐบาล คสช. แม้จะเหลืออายุราชการถึง 5 ปีในเวลานั้นก็ตาม

ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะเติบโตกันมาคนละกองพล ระหว่างสายวงศ์เทวัญจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ จาก พล.ร.2 รอ.

แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้ขึ้นมาถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ในทุกวันนี้นั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นพี่ชายที่แสนดี ที่คอยสนับสนุนผลักดันโดยเฉพาะต่อสู้เคลียร์ทางให้ตลอดในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย พี่พยายามสกัดกั้น พล.อ.อภิรัชต์มาตลอด

จึงไม่แปลกที่ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะลงสู่สนามชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะด้วยวิธีใด หลังการเลือกตั้ง ในนามพรรคพลังประชารัฐ

หรือแม้แต่ต้องจบด้วย “รัฐบาลแห่งชาติ” และนายกฯ คนนอกก็ตาม จุดยืนที่ พล.อ.อภิรัชต์ มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมไม่เปลี่ยนแปลง

แถมเป็นจังหวะพอดีที่สถานการณ์มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในยุคที่ พล.อ.อภิรัชต์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ

คือ ไม่ใช่แค่ ผบ.ทบ. ไม่ใช่แค่เลขาธิการคสช. ไม่ใช่แค่ ผบ.กกล.รส. เท่านั้น

แต่ยังเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ผบ.ฉก.ทม.รอ.) 904 และเป็นคณะกรรมการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกด้วย

จึงไม่แปลกที่ระยะนี้ พล.อ.อภิรัชต์จะต้องออกมาแอ๊กชั่นเตือนคำรามกลุ่มเคลื่อนไหว กลุ่มต่อต้าน คสช. อยู่เนืองๆ จนถูกตอบโต้และโจมตีจนบอบช้ำไปไม่น้อย

จนมีรายงานว่าหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาเมื่อใด ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะลดการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการให้สัมภาษณ์ลง เพื่อไม่ให้กระทบบรรยากาศไปสู่การเลือกตั้ง

แต่ทว่าวาทะของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นสาเหตุของการจลาจลก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น และการเตือนไม่ให้ล้ำเส้น ยังคงสร้างความหวั่นไหวให้กับฝ่ายการเมืองอยู่เสมอ

ในขณะที่วาทะหลายประโยคของ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ยังคงเป็นที่โจษขานกันในกองทัพเรือและกองทัพ

พล.ร.อ.ลือชัยเป็นนายทหารเรือที่มีความห้าวเป้ง ถึงขั้นกล้าที่จะประกาศว่า พร้อมที่จะถูกเด้ง อาจจะเป็น ผบ.ทร. ไม่ครบ 2 ปี จนเกษียณกันยายน 2563

“หรือจะให้ผมอยู่ปีเดียวก็ไม่รู้ แต่ตามวาระคือ 2 ปี แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา ผมเป็นทหารแท้ จะให้ไปไหนก็ไป” พล.ร.อ.ลือชัยระบุเมื่อ 1 ตุลาคม 2561 วันแรกที่รับตำแหน่ง ผบ.ทร.

รวมทั้งการประกาศกองทัพเรือเป็นหนึ่งเดียว แม้จะมีกำลังพลแค่หยิบมือ  5 หมื่นคนเศษ แต่ก็ฝ่าฟันอุปสรรคมากว่าร้อยปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้จนทุกวันนี้

“พวกเราเป็นลูกประดู่ บานพร้อมกัน และร่วงโรยพร้อมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง ทุกคนเป็นลูกเสด็จเตี่ยทุกคน  พ่อแม่รักลูกทุกคน แต่รักไม่เท่ากัน ใครทำดีมาก ก็มองมากหน่อย ใครเรื่อยเปื่อย เรายังให้ความรัก ไม่ทอดทิ้ง ดูแลกันไป” พล.ร.อ.ลือชัยกล่าว

ตลอดเวลากว่า 3 เดือนของการเป็น ผบ.ทร. ทำให้เห็นความเป็นคนเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่อง จนอาจถูกมองว่า สุดโต่งเกินไป ทั้งการยุบหน่วยที่เชื่อว่ามีผลประโยชน์ และจัดหน่วยใหม่

โดยยึดม็อตโต้ Stop the past, Start the new หยุดสิ่งเลวร้ายในอดีต แล้วเริ่มต้นในสิ่งที่วัฒนาถาวร

พร้อมกับมีวาทะเตือนสติทหารเรือ ในเรื่องผลประโยชน์ที่ว่า “กระสุนน้ำตาล ร้ายกว่ากระสุนเหล็ก กระสุนทองแดง”

โดยสอนกำลังพลแบบอุปมา “สินจ้างรางวัล” เป็นกระสุนน้ำตาล ที่มีความหอมหวาน หลอกล่อให้มดแมลงมาตอม จิตใจของพวกเราต้องเข้มแข็งกว่าแต่ก่อน แต่ก่อนนี้ เราเจอกระสุนเหล็ก กระสุนทองแดง

แต่ปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปเป็นกระสุนน้ำตาล ที่ร้ายกว่ากระสุนเหล็ก กระสุนทองแดงที่ผ่านมาในอดีตเสียด้วยซ้ำ หากจิตใจไม่มั่นคง คลอนแคลน หลงไปกับสิ่งที่เขาให้เป็นสินจ้างรางวัล จะเป็นสิ่งที่บั่นทอนเกียรติภูมิที่สั่งสมมาอย่างยาวนานหลายสิบปีให้ล่มสลาย

“ขอให้พวกเราจงเข้าใจจุดนี้ให้ดี มีความมั่นคง อย่าอ่อนไหวกับกระสุนน้ำตาลเป็นเด็ดขาด” บิ๊กลือระบุ

 

ไม่ว่าจะเจออุปสรรคในระหว่างทางมากแค่ไหน โดยเฉพาะแรงต่อต้านจากทหารเรือบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับหลายแนวทาง หลายนโยบาย

แต่ พล.ร.อ.ลือชัยถือคติที่ว่า คนดีต้องกล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าเปลี่ยนแปลง แม้บางครั้งอาจมีคำวิจารณ์ ก็นำไปทบทวน ปรับปรุงแก้ไข แต่หากคิดว่าดี ถูกต้อง ก็ต้องทำต่อไป อย่างหนักแน่น มุ่งมั่น และเชื่อว่าใน 2 ปีที่เป็น ผบ.ทร. หลายอย่างใน ทร.จะเปลี่ยนแปลงไป อะไรที่ดีอยู่แล้ว ก็รักษาไว้ ทำต่อไป สิ่งใดไม่ดีไม่เหมาะไม่ควร ก็ต้องปรับเปลี่ยน เพราะเป็นธรรมดาที่เมื่อแรกของการเปลี่ยนแปลง จะมีกระแสต้านอยู่บ้าง

พล.ร.อ.ลือชัยขอแค่ปลุกแนวคิดของทหารเรือรุ่นใหม่ ให้กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

ปลุกทหารเรือ กล้านำ กล้าทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าเปลี่ยนแปลง! อย่ากล้าในสิ่งผิด จะเป็นภัยที่กลับโถมใส่ตัวเองเช่นบูมเมอแรง

“คนดี…หากคิดจะเป็นนายคน ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องกล้าที่จะนำ กล้าที่จะทำความดี กล้าในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ กล้าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แต่ว่ากล้านี้ ให้เหมือนกับต้นกล้า งอกที่ไหนก็มีคุณค่าที่นั่น อย่าได้กล้าในสิ่งที่ผิด เพราะถ้ากล้าในสิ่งที่ผิด จะกลายเป็นมีดบาดคอตนเอง เหมือน ‘บูมเมอแรง’ ยิ่งขว้างแรงเท่าไหร่…ก็กลับมาแรงเท่านั้น” วาทะ ผบ.ทร.

ที่กล่าวขานกันว่าเป็นนายทหารเรือที่บุคลิกคล้ายทหารบก และหากเกิดสถานการณ์จำเป็นคับขัน พล.ร.อ.ลือชัยก็เป็น ผบ.เหล่าทัพอีกคนที่น่าจับตามอง

   ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองและการเปลี่ยนผ่านประเทศ