ลึกแต่ไม่ลับ : “7-Eleven” สายล่อฟ้า “ซีพี” ที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด

จรัญ พงษ์จีน

คงดูฤกษ์ยามตามศาสตร์พยากรณ์ วันเวลา น. คลาดเคลื่อนหรือไรไม่ทราบได้ ค่ายธุรกิจยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งแห่งประเทศไทย ระดับ “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์” หรือ “ซีพี” หลังจากตกเป็นข่าวว่าได้จรดปากกาเซ็นสัญญาร่วมหุ้นส่วนกันเป็นที่เรียบร้อย

เป็นพันธมิตรทางธุรกิจข้ามค่ายกันระหว่าง “บริษัท แอนท์ ไฟแนนเซียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป” หนึ่งในผู้นำทางการให้บริการทางการเงินดิจิตอลระดับโลก ในเครือของ “อาลีบาบา” ที่มีประธานใหญ่คือ “แจ็ก หม่า”

กับ “แอสเซนต์ มันนี่” กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจดิจิตอลในประเทศไทย และในอาเซียน หนึ่งในเครือข่ายของ “ซีพี” ที่มี “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” นั่งประธาน

ทั้งนี้ “อาลีบาบา” จะลงทุนใน “แอสเซนต์ มันนี่” ของกลุ่มซีพี 20 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ใน 2 ปีข้างหน้า

โดยที่ผู้บริหารทั้ง 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ ได้ร่วมลงนามเป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการที่เกาะฮ่องกง เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ในการนี้ ประธานใหญ่ 2 ฝั่งทั้ง “ธนินท์ เจียรวนนท์” และ “แจ็ก หม่า” ได้เดินทางไปเป็นสักขีพยานในการลงนามร่วมทุนด้วยตัวเอง

การจับมือกันในคาบนี้ เพื่อต้องการเข้าถึงฐานลูกค้าไทย และลูกค้าในไทยสามารถใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางของอาลีเพย์ ได้ทั่วโลก พร้อมวางแผนระยะยาว เข้าถึงผู้ใช้งาน 2,000 ล้านราย หลังการผนึกกำลังกันภายใน 10 ปีข้างหน้า

ลงลึกในรายละเอียดคือ ช่วยในแง่ของการขยายเครือข่ายการใช้งานระบบชำระค่าสินค้าออนไลน์ โดยผู้ใช้งาน “อาลีเพย์” สามารถเข้ามาใช้งานในประเทศไทยได้ ขณะที่ผู้ใช้ชาวไทยที่ใช้งาน “แอสเซนต์ มันนี่” ก็สามารถชำระเงินผ่านเครือข่ายอาลีเพย์ได้ทั่วโลก

เท่ากับลูกค้า “ทรู และ 7-11” สามารถใช้บริการทางการเงินได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เต็มรูปแบบ ทั้งฝากถอนเงินได้ที่เซเว่น โอนต่อให้ใครก็ได้ผ่านทางมือถือ กู้เงินได้ทางโทรศัพท์มือถือ และจ่ายดอกเบี้ยผ่านทางเซเว่น บิลค่าใช้จ่ายเก็บรวมกับบิลมือถือทรู

หลังจากประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา “ค่ายซีพี” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจครบวงจรในประเทศไทย เกิด “งานเข้า” ถูกโจมตีว่าเป็นการกีดกันทางการค้าคนอื่น ให้โอกาสฟินเทคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกค้าอาลีบาบา หรือซีพี เติบโต

และดูเหมือนภาวะแทรกซ้อน ไม่ได้หยุดอยู่แค่พันธกิจที่มีกับ “อาลีบาบา” อย่างเดียว ยัง “ลาม” ต่อยอดเหมาเข่งไปยังเรื่องราวอื่นๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถูกขุดคุ้ยมาชำแหละปล่อยข่าวเล่นงานกันว่อนกระจายตามโลกโซเซียลมีเดีย เกลื่อนไปทุกช่องทั้งไลน์ เว็บไซต์ ทวิตเตอร์ และอื่นๆ

ระบบอาลีเพย์
ระบบอาลีเพย์

มือมืด ฉวยจังหวะห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน ขุดมาเล่นงานได้ทุกเรื่อง ลามปามไปถึงเคสก่อนหน้านี้ ที่ “ซีพี”ประกาศซื้อ “เทสโก้ โลตัส” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยวงเงินมหาศาล 3 แสนล้านบาท มีการวิเคราะห์เจาะลึกถึงสาเหตุว่า ธุรกิจการเกษตร, ด้านค้าปลีก ประมาณว่า “เจริญโภคภัณฑ์” คุมเกมเอาไว้ได้หมดแล้ว ครบวงโคจร ทั้งข้าว หมู ไก่ กุ้ง อาหารสัตว์ ปุ๋ย พลังงาน รวมถึงสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ

คุมระบบค้าปลีก ค้าส่ง ทั้ง โมเดล เทรด และเทรดิติชั่นแนล เทรด

โดยใช้กลยุทธ์จาก 3 ลูกข่ายเป็นพลังไฮเพาเวอร์ คือ “เซเว่นอีเลฟเว่น-แม็คโคร-และเทสโก้ โลตัส”

ต่อจิ๊กซอว์ว่า ก่อนหน้านี้ “กลุ่มทรู” ก็ซื้อหุ้น LH BANK จากกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือเมื่อไม่นานมานี้ ก็เข้าซื้อหุ้น “ผิงอัน” บริษัทประกันภัยรายใหญ่ของจีน

และดึง “ไชน่าโมบาย” ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีน ข้ามฟากมาซื้อหุ้นใน “ทรู”

พร้อมกับชงตัวเลขกลมๆ จากรายได้รวม ว่า “7-11” ที่มีสาขาอยู่ 8,000 สาขา และล้วนอยู่ในทำเลดี มียอดรายได้ เมื่อปีที่แล้ว เกือบ 3 แสนล้านบาท, แม็คโคร ยอด 1.3 ล้านบาท ตัวเลขไหลบริษัทแม่ตก 4 แสนกว่าล้านบาท/ปี

เอารายได้ “เทสโก้ โลตัส” ทบยอดเข้าไปอีก ตกปีละ 5 แสนล้านบาท จึงไม่เพียงเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังแผ่รังสีไปยืนแถวหน้าระดับโลกไปด้วย

“เซเว่นอีเลฟเว่น” เหมือนจะเป็น “สายล่อฟ้า” ชั้นยอดเยี่ยมที่สุด ถูกฝ่ายตรงข้ามมุ่งประสงค์ร้ายหยิบมากระแทกกลางได้ถูกใจกระแสสังคมไทยมากที่สุด

เหวี่ยงหมัดว่า ตอนที่ลงมือทำใหม่ๆ บริษัทไม่อยากเสี่ยง ก็ไปชักชวนคนมาลงทุนหาที่ทำเลดีๆ เอาสินค้าจากซีพีไปขาย แบ่งปันกำไร

ต่อมา เมื่อร้านค้ามียอดขายสูง กำไรดี ซีพีไปเสนอซื้อเพื่อมาทำเอง ส่วนใหญ่มักจะขาย

เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง ที่ถาโถมเข้ามาดุจพายุในช่วงสองสามเดือนนี้ “เจริญโภคภัณฑ์” หรือ “ซีพี” จะชะล่าใจประมาทไม่ได้เด็ดขาด เนื่องจากเวลานี้ โลกโซเชียลมีเดียกำลังทิ้งบอมบ์กันด้วยความเมามัน แชร์กันสนั่นจอทั่วทุกจอ

“ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย คนไม่ประมาทคือคนไม่ตาย”

กระแสสังคม (ไทย) กำลังสอดสายตาส่องหา “เหยื่อ” เพื่อล่อเป้าอยู่

จุดติดขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองจะไปกันใหญ่ อย่าหาว่า “หล่อไม่เตือน” ก็แล้วกัน