เชิงบันไดทำเนียบ : ป.โมเดล ‘ป๋า’ ถึง ‘ลุง’ ปั้นสตอรี่ ‘นายเปรม – ด.ช.ประยุทธ์’

‘เปรมโมเดล’ เป็นคำที่เกิดมาช่วง 1-2ปีนี้ เพื่อให้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ได้เดินตามรอย เพื่อกลับมาเป็น นายกฯอีกครั้ง หลังเลือกตั้ง

ด้วย รธน.2560 เปิดช่องให้มี นายกฯคนนอก ที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งได้ ซึ่งสมัย ‘ป๋าเปรม’ เป็น นายกฯ ตลอด 8 ปี ก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่สุดท้าย ‘ป๋าเปรม’ ทราบถึงทิศทางอนาคตทางการเมือง จึงเลือกที่จะลงจากอำนาจ ด้วยคำว่า ‘ผมพอแล้ว’ ด้วยสายธารประชาธิปไตยที่แรงขึ้น
.
จึงเข้าสู่ยุค ‘น้าชาติ’พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็น นายกฯ จนนำมาสู่การรัฐประหาร โดย รสช. ที่ ‘บิ๊กสุ’พล.อ.สุจินดา คราประยูร ร่วมเป็นแกนนำ ที่กลับนำมาสู่เหตุการณ์ ‘พฤษภาทมิฬ2535’ ทำให้ทหารต้องกลับเข้าค่ายนาน 15 ปี จนมาเกิดรัฐประหาร 19ก.ย.2549 นำโดย คมช. ที่ก็ยังไม่ใช้ครั้งสุดท้ายอยู่ดี
.
ซึ่ง รธน.2560 ได้เปิดช่องให้ได้มาซึ่ง นายกฯคนนอก หรือ นายกฯคนกลาง โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา คือ 500 เสียง จาก 750 เสียง เพื่อเลือกนายกฯนอกบัญชีของแต่ละพรรค
.
แต่การจะได้มาซึ่ง 500 เสียง ถือเป็นเรื่องยาก เพราะเสียงจาก ส.ว. มีเพียง 250 เสียง และใช่ว่าจะคุมได้หมดในอนาคต และต้องหาเสียงจาก ส.ส. ให้ได้อีก 250 เสียงเลยทีเดียว
.
ดังนั้นจึงต้องมีพรรคที่เป็น ‘ฐานเสียง’ ให้ คสช. หนึ่งในพรรคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น ‘พรรคนอมินีทหาร’ คือ พรรคพลังประชารัฐ นั่นเอง ที่มาพร้อมปรากฏการณ์ ‘พลังดูดอดีตส.ส.’ มาร่วมทัพ ไม่นับร่วมพรรคแนวร่วมอื่นๆ ที่ย้ำชัดสนับสนุน ‘บิ๊กตู่’ เป็น นายกฯ ต่อ และพรรคที่ยังชั่งใจหรือรอต่อรองทางอำนาจขนาดกลางอื่นๆอีก

แผน ‘เปรมโมเดล’ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะอยู่ที่ ‘ผู้นำ’ ด้วย โดยเฉพาะการปรับบุคลิกต่างๆ ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น ‘ลุงตู่’ ไปเรียบร้อยแล้ว แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแทนตัวเองว่า ‘ลุง’ มาตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. เมื่อเจอเด็กๆ แต่คำนี้กลับมาฟีเวอร์ เพราะ ‘ป๋าเปรม’ สมัยเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้ ‘บิ๊กตู่’ นำ ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรวันปีใหม่ ช่วงปลายปี2557
.
“ขอบคุณนายกฯลุงตู่ ขอพูดตามที่คนชอบเรียกนายกฯว่า นายกฯลุงตู่ ดูเป็นกันเองดี” ป๋าเปรม กล่าว
.
แต่สำหรับ ‘ป๋าเปรม’ ที่มาคำว่า ‘ป๋า’ เริ่มตั้งแต่เป็นนายทหารทหาร ที่ศูนย์การทหารม้า โดยเรียกแทนตัวเองว่า ‘ป๋า’ และเรียกแทนคนอายุน้อยกว่าว่า ‘ลูก’ ทำให้มีการเรียกนายทหารคนสนิท-ใกล้ชิดว่า ‘ลูกป๋า’ ด้วย
.
โดยตามประเพณีวันสำคัญที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ วันปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด ก็จะมีทหารม้ามาอวยพรและขอพร ‘ป๋าเปรม’ อยู่ตลอด โดยในช่วงหลังจะนำโดย พล.อ.วันชัย เรืองตระกูล อดีตปลัดกลาโหม แต่ในช่วงปี 2561 เป็นต้นมา ‘ป๋าเปรม’ ลดขนาดการเปิดบ้านและลดจำนวนผู้ร่วมงานลง
.
โดยช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เปิดให้ นายกฯ นำ รัฐมนตรีบางราย และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรวันสงกรานต์เท่านั้น ไม่มีคณะของทหารม้า และในวันเกิด 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็งดเปิดบ้านสี่เสาฯ แต่ไปทำบุญวันเกิดกับครอบครัวติณสูลานนท์และนายทหาร ‘ลูกป๋า’ ที่วัดราชบพิธฯแทน ทั้งหมดนี้ นายทหารคนสนิท ระบุว่า ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ‘ป๋าเปรม’

ซึ่งปีที่ผ่านมา ‘ป๋าเปรม’ มักมีข่าวลือถึงสุขภาพอยู่ตลอด หรือการระบุว่า ‘ป๋าเปรม’ เข้าโรงพยาบาล ซึ่งมีรายงานว่า เป็นเพียงการไปตรวจเช็คสุขภาพตามวงรอบเท่านั้น และ พล.อ.เปรม ไม่ได้ป่วยหนักใดๆ เพราะเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ‘ป๋าเปรม’ ยังคงแข็งแรง เดินคล่องและยิ้มแย้ม แม้จะลดการออกงานลงไปมาก ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ต้องการให้พักผ่อน
.
แต่จุดที่ ‘ป๋าเปรม’ และ ‘ลุงตู่’ ดูจะแตกต่างกัน คือ การตอบคำถามต่างๆ ที่ ‘ป๋าเปรม’ มักจะเลี่ยงการตอบคำถามสื่อ จนได้รับฉายาสมัยเป็นนายกฯ ว่า ‘เตมีย์ใบ้’ หรือมีวิธีรับมือกับสื่อด้วยประโยคต่างๆ เช่น ‘กลับบ้านเถอะลูก’ เป็นต้น
.
ซึ่งแตกต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมีสไตล์การตอบคำถามที่ดุดันและตอบทุกคำถาม แม้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุว่า พยายามหักห้ามใจแล้วก็ตาม หรือล่าสุดคือสวดมนต์ทุกคืนเพื่อไม่ให้พลาดตอบคำถามที่ไม่เข้าหู
.
“ก่อนนอน สวดมนต์ทุกคืน ตื่นเช้ามา อย่าพลาดๆ ไม่ตอบคำถามสื่อ คำถามที่ไม่เข้าหู อย่าไปตอบ พยายามนึกภาพ อดีตนายกฯทุกคน ‘กลับบ้านเถอะลูก’ พยายามจะพูด แต่พูดไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
แต่อีกสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมีเรื่องเล่าคล้ายๆ พล.อ.เปรม คือ ‘เรื่องเพื่อน’ ที่ออกมาเซอร์ไพรส์ถึง 2 ครั้ง ในการลงพื้นที่ ฝั่งธนบุรี กทม. และ จ.ลพบุรี

โดยในอดีตเองมีเรื่องเล่าถึง ‘ป๋าเปรม’ กับ ‘ลุงช้วย’นายข้วย พุทธปาน ที่เป็นเพื่อนที่ จ.สงขลา กับตำนาน ‘เพื่อนไม่มีชนชั้น’ ที่จักกันตอนอายุ 7 ขวบ มีบ้านอยู่ติดกันในถนนจะนะ เขตเทศบาลนครสงขลา และวิ่งเล่นกันทุกวัน ‘ลุงข้วย’ เคยปั่นรถจักรยานไปส่ง พล.อ.เปรม ที่โรงเรียนด้วย จากนั้นเส้นทางชีวิตก็แตกต่างกัน พล.อ.เปรม มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ จนได้เป็นนายกฯ ส่วน ‘ลุงข้วย’ อยู่บ้านทำงานรับจ้างทั่วไป ยึดอาชีพถีบสามล้อรับจ้างในตลาดเมืองสงขลา โดย ‘ลุงข้วย’ มาพบกับ ‘ป๋าเปรม’ อีกครั้งปี2528 ช่วงเป็น ‘ป๋าเปรม’ เป็น นายกฯ ที่ วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา
.
‘ลุงข้วย’ ไปยืนรอรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมาแล้วเห็น จึงพูดทักทายเป็นภาษาใต้ ‘ลุงข้วย’ จึงยกมือไหว้ แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า “ข้วยไหว้เราทำไมเราเป็นเพื่อนกันนะ” ทำให้ ‘ลุงข้วย’ ตอบกลับไปว่า “ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นนายเปรมผมไม่ไหว้” เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นอย่างมาก

การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ย่านฝั่งธน มีเพื่อนสมัยเรียนวัดนวลนรดิศ มารอพบ เป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.2 จำนวน 7 คน โดยระบุ พักอยู่แถวนี้ ไม่ได้เจอ พล.อ.ประยุทธ์ มาหลายสิบปี เห็นแต่ในโทรทัศน์ พร้อมนำภาพถ่ายรูปหมู่ มาให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดู ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวทักทายว่า จำได้ เพื่อนรุ่น 77 ไม่เคยลืม คิดถึงเพื่อนเสมอ

ส่วนเหตุการณ์ ที่ จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์ เคยเรียนหนังสือสมัยประถม ที่ ร.ร.สหกิจวิทยา มีหญิงคนหนึ่งชูภาพ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยเรียน ป.7 ขึ้นมา เป็นภาพถ่ายปี 2508 หลังเคยมอบให้ก่อนแยกย้ายไปเรียน ชั้น มศ.1 โดยหญิงคนนี้ ชื่อ สุกัญญา พิมลพรรณ มากับเพื่อนอีก 2 คน ชื่อติ๋วและเหมียว
.
ซึ่ง ‘ป้าสุกัญญา’ เรียนกับ นายกฯ ตั้งแต่ป.1-7 เผย สมัยเรียน นายกฯ เป็นคนอารมณ์ดี ชอบเล่นสนุก ซุกซน แต่เป็นที่รักของเพื่อนๆ และเป็นคนชอบวาดเขียน งานศิลปะ และเป็นคนพูดตรงไปตรงมา
.
ทั้งนี้ แม่นายกฯ เป็น อาจารย์คณิตศาสตร์ สอนตน และ แม่พล.อ.ประยุทธ์ เคยเล่าให้ฟังว่าไปดูดวงมา มีหมอดูบอก พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นผู้นำประเทศ แต่ไม่รู้แบบไหน

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึง ‘กลไกทางอำนาจ’ ที่ไม่ใช่เพียงการตรากฎหมาย แต่หลายอย่างต้องสร้าง ‘เรื่องเล่า’ ให้ผู้นำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้นำทั่วโลก ในการนำเสนอในมุมที่ไม่มีใครรู้หรือเป็นบุคลลที่เข้าถึงง่าย ยิ่งสอดรับกับการสร้าง ‘บิ๊กตู่’ ให้เป็น ‘ลุงตู่’ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
.
ดังนั้น ‘ป.โมเดล’ จึงไม่ใช่เพียงเรื่องอำนาจทางการเมือง แต่จะต้องสร้างภาพลักษณ์ ‘ผู้นำ’ ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและไม่ให้ดูขัดตามากนัก เพื่อให้เป็นที่ชื่นชมหรือยอมรับจากสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ได้ยืนยาวกว่า ‘อำนาจ’ ทางกฎหมาย หรือที่เรียกว่า ‘บารมี’ นั่นเอง
.
จึงไม่ง่ายเลย ‘ป.โมเดล’ !!