ถ้าปฏิเสธไม่ได้ว่า‘จีน’มีผลกระทบกับโลก ต้องรู้ว่า‘จีน’คิดอะไรอยู่…อ่าน‘สีจิ้นผิง’

AFP PHOTO/JIM WATSON

โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช

กลางปีที่แล้วในงานมหกรรมหนังสือ บุ๊กเอ็กซ์โปอเมริกา ที่นิวยอร์ก หนังสือ Xi Jinping : The Gorvernance of China ทุบสถิติยอดจำหน่ายหนังสือผู้นำจีนในรอบเกือบ 40 ปี ที่จำหน่ายไปทั่วโลกแล้วกว่า 4.5 ล้านเล่ม

เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดงานนี้ขึ้นมาในปี 2490 ที่สำนักพิมพ์จากจีนได้รับเชิญเป็นแขกเกียรติยศของงาน โดยมีสำนักพิมพ์จีน 150 แห่ง นำหนังสือกว่า 10,000 เล่ม เข้าร่วมแสดงและจัดจำหน่าย

หนึ่งในนั้นคือหนังสือ Xi Jinping : The Gorvernance of China ซึ่งรวบรวมผลงานหลักๆ ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันแปลออกเป็นภาษาต่างๆ ถึง 12 ภาษา ตีพิมพ์แล้วกว่า 5,200,000 เล่ม วางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดย ฉบับภาษาไทย นั้น สำนักพิมพ์มติชนได้รับลิขสิทธิ์ในการพิมพ์และจัดจำหน่าย ในชื่อ “สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ”

 

Printสีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ
หนังสือระดับประเทศแห่งปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า จีนในปัจจุบันเป็นพี่เบิ้มในด้านเศรษฐกิจ จะขยับไปทางไหนทำอะไรก็สะเทือนไปทั้งโลก ในระยะเวลาสั้นๆ ที่สีจิ้นผิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ จีนเปลี่ยนไปมาก ภายใต้การชูนโยบายปราบปรามทุจริตอย่างเด็ดขาด ผูกมิตรกับชาติตะวันตก อาหรับ รวมถึงแอฟริกา สนับสนุนให้คนในประเทศร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจโลก

เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจของสังคมโลกต่อทัศนคติและแนวทางการพัฒนาประเทศ ตลอดจนนโยบายทั้งในและต่างประเทศของจีน สำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีประเทศจีนจึงร่วมกับสำนักวิจัยเอกสารเชิงประวัติศาสตร์แห่งส่วนกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกรมการจัดพิมพ์จำหน่ายหนังสือภาษาต่างประเทศแห่งประเทศจีน รวบรวมวาทะสำคัญของสีจิ้นผิง อาทิ สุนทรพจน์ ปาฐกถา ถ้อยแถลง บทสัมภาษณ์ โอวาท จดหมายอวยพร ฯลฯ ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.2012 ถึง 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ไว้ทั้งหมด 79 บท จัดทำเป็นรูปเล่มหนังสือ

จัดแบ่งเป็น 18 หัวข้อ โดยมุ่งประเด็นหลักที่สังคมโลกให้ความสนใจเกี่ยวกับประเทศจีนในปัจจุบัน จัดเรียงเนื้อหาแต่ละบทตามลำดับเวลาเพื่อง่ายต่อความเข้าใจและสะดวกในการค้นหา รวมทั้งเพิ่มหมายเหตุให้ความรู้เกี่ยวกับระบบสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมจีน พร้อมทั้งภาพประกอบออฟฟิเชียลจากรัฐบาลจีนอีก 45 ภาพ

cc2-p014-n04400-v

cc2-p016-n04400-v

กิตติวรรณ เทิงวิเศษ ผู้จัดการสำนักพิมพ์มติชน เล่าว่า หนังสือ “สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” เป็นหนังสือรวมผลงานในรอบ 2 ปีของสีจิ้นผิง โดยรวมสุนทรพจน์ที่กล่าวทั้งในประเทศจีนและในต่างประเทศ ถือเป็นหนังสือเกี่ยวกับสีจิ้นผิงเล่มแรกที่รัฐบาลจีนเป็นผู้จัดทำ โดยแปลมาแล้ว 9 ภาษา คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อาหรับ สเปน โปรตุเกส เยอรมัน จีน และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมอีก 3 ภาษาคือ เกาหลี เวียดนาม และไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันจัดทำในระดับประเทศ

ในส่วนของสำนักพิมพ์มติชน กิตติวรรณบอกว่า เราเลือกที่จะขอลิขสิทธิ์มาพิมพ์เพราะเห็นถึงความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ซึ่ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เคยหยิบเรื่องนี้มาพูด ทางผู้บริหารเห็นว่าน่าสนใจ น่าจะจัดพิมพ์เล่มนี้ขึ้นเพื่อให้คนไทยได้อ่าน ซึ่งเมื่อติดต่อไปทางเจ้าของลิขสิทธิ์เมื่อต้นปี 2558 ได้รับการตอบรับในทันที

พร้อมทั้งสนับสนุนในเรื่องของการแปล โดยจัดหาทีมแปลให้เป็นผู้เชี่ยวชาญจากสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทราบมาว่ามีทั้งคนจีนและคนไทย รวมทั้งทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทยดูแลในเรื่องความถูกต้องของเนื้อความด้วยเลย

cc2-p004-n04400-v

ทางด้าน จันทรัตน์ สิงห์โตงาม บรรณาธิการเล่ม บอกว่า ความน่าสนใจของหนังสืออยู่ที่รูปแบบของเนื้อหาที่เป็นสุนทรพจน์ของสีจิ้นผิงที่ไปกล่าวในที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอด 2 ปีเต็มที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน และประวัติของสีจิ้นผิง ซึ่งสร้างตัวขึ้นมาจากความลำบาก เป็นคนติดดิน และเน้นสันติวิธีในการขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลก

หนังสือเล่มนี้เปิดตัวเมื่อวันชาติจีนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือปี 2557 และในปีต่อมาได้เปิดตัวในงานมหกรรมหนังสือที่แฟรงก์เฟิร์ต และงานบุ๊กเอ็กซ์โปอเมริกาอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นการทุบสถิติหนังสือผู้นำจีนที่มียอดขายมากที่สุดถึง 4.5 ล้านเล่มในทั่วโลก

9
ม.ค.2551 เข้าเยี่ยมผู้ประสบภัยพายุหิมะที่มณฑลกุ้ยโจว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการประจำกรมการเมืองของส่วนกลางพรรค และเลขาธิการของสำนักงานเลขาธิกาคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน

กิตติวรรณบอกอีกว่า ถึงวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่านโยบายของจีนมีผลกระทบกับทั่วโลก ฉะนั้นเราต้องรู้ว่าจีนคิดอะไรอยู่ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะสะท้อนได้เป็นอย่างดี ถือเป็นหนังสือระดับประเทศแห่งปี ซึ่งสำนักพิมพ์มติชนภูมิใจนำเสนอ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 เวลา 13.30-16.30 น. ที่ห้องดุสิตธานีฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี

ธ.ค.2538 สีจิ้นผิงร่วมลงแรงทำงานในพื้นที่จริงของงานเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแกร่ง แก้เขื่อนกั้นน้ำทางตอนล่างของแม่น้ำหมิ่นเจียง ที่ อ.หมิ่นโฮ่ว ครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลฝูเจี้ยน และเลขาธิการพรรคประจำเมืองฝูโจว

ธ.ค.2538 สีจิ้นผิงร่วมลงแรงทำงานในพื้นที่จริงของงานเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแกร่ง แก้เขื่อนกั้นน้ำทางตอนล่างของแม่น้ำหมิ่นเจียง ที่ อ.หมิ่นโฮ่ว ครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลฝูเจี้ยน และเลขาธิการพรรคประจำเมืองฝูโจว
เบื้องหลังการผงาดขึ้นเป็นผู้นำแดนมังกร

“สีจิ้นผิงนั้นมีความโดดเด่นนับตั้งแต่ในส่วนของภูมิหลัง คือ นอกจากจะเป็นลูกของผู้นำชั้นสูง (บุตรของ สีจงชุน อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน) ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมเคยออกชนบทไปอยู่ในถิ่นทุรกันดารคือ มณฑลซานซี เมื่อกลับมาเรียนหนังสือก็เรียนจนจบปริญญาเอก ทำวิทยานิพนธ์ทางด้านมาร์กซิสม์ และเมื่อเริ่มต้นทำงานก็ทำงานและเติบโตในหน่วยงานทหารมาตลอด เป็นพลเรือนที่ต้องไปดูแลหน่วยงานพรรคที่ประจำตามหน่วยทหาร จึงทำให้สีจิ้นผิงมีความสนิทชิดเชื้อกับบรรดาทหาร และเป็นมูลเหตุว่าทำไมเขาจึงมีอำนาจมากในปัจจุบัน”

ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ สะท้อนภาพของผู้นำจีนคนปัจจุบัน และว่า

สีจิ้นผิงมีบุคลิก 2 อย่างที่ผสมผสานกันที่ผู้นำคนอื่นอาจจะมีไม่เหมือน อย่างแรกคือ มีหัวปฏิรูปสูง ดังที่ฝากผลงานไว้ตอนที่เป็นเลขาธิการพรรคที่เมืองฝูโจว เมืองหลวงของฝูงเจี้ยน ด้วยการเปิดความสัมพันธ์กับไต้หวันคนแรกๆ ทำให้จีนกับไต้หวันหันมาคืนดีกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกรุยทางให้เกิดการลงทุนของนักธุรกิจไต้หวันในภาคตะวันออกของจีน

2
ธ.ค.2538 สีจิ้นผิงร่วมลงแรงทำงานในพื้นที่จริงของงานเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแกร่ง แก้เขื่อนกั้นน้ำทางตอนล่างของแม่น้ำหมิ่นเจียง ที่ อ.หมิ่นโฮ่ว ครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลฝูเจี้ยน และเลขาธิการพรรคประจำเมืองฝูโจว

เมื่อครั้งที่เป็นเลขาธิการพรรคของมณฑลเจ้อเจียง (เมืองหลวงคือ เมืองหางโจว ถือเป็นเมืองหลวงของอาลีบาบา) เป็นแหล่งที่เขาได้แสดงฝีมือในการปฏิรูปเศรษฐกิจของเจ้อเจียง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางเอสเอ็มอีของจีน และโดดเด่นมาก เป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงได้รับการโปรโมตเป็นเลขาธิการพรรคของเซี่ยงไฮ้ในช่วงสั้นๆ ตอนที่เลขาธิการพรรคมีปัญหาทางการเมือง

หลังจากนั้นได้รับการโปรโมตเรียกได้ว่าก้าวกระโดดทางการเมือง คือเข้ามาเป็นคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง คือเป็น standing committee ของ Political Politburo โดยที่ไม่เคยผ่านงานของ Politburo มาก่อน คือเป็นหนึ่งใน 9 คนที่มีอำนาจสูงสุดในจีน และเมื่อเขาได้ก้าวขึ้นมา ก็ถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมืองคู่กับ หลีเค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

“นอกจากจะดำเนินนโยบายปฏิรูปจีนภายใต้นโยบาย 3 ปฏิรูป คือ 1.ปฏิรูปเศรษฐกิจ 2.ปฏิรูปหน่วยงานราชการ รวมทั้งพรรคคอมมิวนิสต์ 3.ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็พยายามดึงจีนไม่ให้เป็นทุนนิยมมากเกินไปแบบตะวันตก

“ข้อสำคัญคือ ได้ลงมือปฏิรูปจีนในหลายๆ เรื่องที่ผู้นำคนก่อนๆ ไม่เคยคิดจะทำหรือไม่กล้าทำ ตัวอย่างเช่น 1.การปราบปรามคอร์รัปชั่นที่ดำเนินการอย่างกว้างขวาง 2.การรณรงค์ให้เกิดการรัดเข็มขัดในจีน การจัดเลี้ยงหรือความหรูหราของสมาชิกพรรคจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าใครละเมิดจะถูกลงโทษค่อนข้างรุนแรง”

AFP PHOTO / POOL / MARK RALSTON
AFP PHOTO / POOL / MARK RALSTON

อย่างไรก็ตาม ดร.สมภพบอกว่า สิ่งที่ถือว่าเป็นความกล้าตัดสินใจอย่างมากของสีจิ้นผิงคือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายลูกคนเดียว รวมทั้งการดำเนินนโยบายหลายเรื่อง เช่น “supply side reform” การปฏิรูปฝั่งอุปทาน คือการลดกำลังการผลิตที่ล้นเกินในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ด้านเรียลเอสเตตในจังหวัดต่างๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเมืองร้างต่างๆ มากมาย ฯลฯ

ขณะเดียวกันก็มีนโยบายต่างประเทศหลายเรื่อง เช่น รณรงค์เรื่อง One belt, One road เส้นทางสายไหมเชื่อมเส้นทางการค้าใหม่ของจีน ซึ่งถือเป็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญที่สุดนโยบายหนึ่งของจีน ขณะเดียวกันก็ชูบทบาทของ จี 20 เพื่อไม่ให้ประเทศตะวันตกที่เป็นทุนจัดๆ อย่างสหรัฐอเมริกาสามารถครอบงำเศรษฐกิจของโลกได้ ฉะนั้นเราจะเห็นบทบาทของสีจิ้นผิงคือ ต้องการถ่วงดุลเศรษฐกิจสังคมการเมืองโลกไม่ให้ถูกครอบงำโดยมหาอำนาจตะวันตกฝ่ายเดียวแบบที่เป็นมาในช่วงก่อนหน้านี้

ม.ค.2551 เข้าเยี่ยมผู้ประสบภัยพายุหิมะที่มณฑลกุ้ยโจว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการประจำกรมการเมืองของส่วนกลางพรรค และเลขาธิการของสำนักงานเลขาธิกาคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ม.ค.2551 เข้าเยี่ยมผู้ประสบภัยพายุหิมะที่มณฑลกุ้ยโจว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการประจำกรมการเมืองของส่วนกลางพรรค และเลขาธิการของสำนักงานเลขาธิกาคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน

AFP PHOTO/MANDEL NGAN
AFP PHOTO/MANDEL NGAN

สีจิ้นผิง กับ นิว ไชน่า 2025

สีจิ้นผิง นับเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนแรกที่เกิดหลังก่อตั้งประเทศจีนใหม่ หลังผ่านยุคของเหมาเจ๋อตง เติ้งเสี่ยวผิง เจียงเจ๋อหมิน แน่นอนว่าท่ามกลางโลกที่หมุนไปข้างหน้าอย่างเร็วจี๋ ยุคสมัยที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ประเทศจีนยุคที่มีผู้นำที่ชื่อ “สีจิ้นผิง” ก็ด้วย กับการประกาศภารกิจหลักของกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ นำพาประชาชาติจีนบรรลุถึง “ความฝันจีน” สร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัย

แต่คำว่า “ทันสมัย” ของสีจิ้นผิง ดร.สมภพอธิบายว่า เป็นความทันสมัยที่อยู่ภายในอัตลักษณ์ของจีน

“จะเน้น Mass Innovation คือนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชน เน้นคำว่า ‘นิว อินดัสทรี’ ซึ่งเป็นนโยบายภายใต้คำว่า New China 2025 คือ อินดัสทรี 4.0 คล้ายกับไทยแลนด์ 4.0 นั่นแหละ”

สีจิ้นผิงจะเน้นการพัฒนาประเทศให้เป็นสังคมไฮเทค ไม่ว่าทางด้านโรบอต ด้านไอที ซึ่งเขาทุ่มเทเป็นพิเศษ จะเห็นว่ามีไป่ตู้ขึ้นมาสู้กับกูเกิล มีอาลีบาบา เป็นเทนเซนต์ มีหัวเว่ย ฯลฯ เป็นการเปิดประเทศตามแบบฉบับของจีนเอง เพราะสิ่งนี้ทำให้จีนสามารถทำให้จีนออกมาถ่วงดุลและต่อสู้แข่งขันกับตะวันตกได้ โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพการศึกษาของจีน เช่น ทำให้มหาวิทยาลัยของจีนเข้าไปเป็นมหาวิทยาลัยท็อป 50 ของโลกได้หลายมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยชิงหวา

“ผมว่าสีจิ้นผิงทำงานเชิงรุกค่อนข้างสูง และค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเองในการดำเนินนโยบายและการบริหารจัดการเชิงความสัมพันธ์ในทางการทูต พยายามให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา”

ดร.สมภพบอก และว่า ในหนังสือ “สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” จะสะท้อนภาพนโยบาย ความคิดของผู้นำคนนี้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นเหมือนเข็มทิศที่จีนจะมุ่งไป ทั้งในด้านพัฒนาตนเอง และทางด้านปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศด้วย ทำให้ประเทศอื่นๆ สามารถรู้ท่าทีของจีนเพิ่มมากขึ้นเพื่อจะได้เตรียมตัวของตัวเอง เพราะอย่างไรจีนก็จะยังต้องเป็นคู่แข่งกับอภิมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา

ฉะนั้น หนังสือเล่มนี้จะทำให้ประเทศอื่นๆ รวมทั้งประเทศจะได้จัดการบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรอบคอบและสุขุมมากขึ้น

0