‘ไก่อู’ สวนโพล ‘ไปถามใครมา’ หลังบอกคนไทยอยากให้คสช.ปลดล็อกการเมือง

“ไก่อู” แจงโพลปลดล็อคการเมืองไร้เงื่อนไข มีตารางเวลาตามโรดแมป คลี่คลายหลังหารือ มิ.ย. เปยห้ามใครไม่วิจารณ์ไม่ได้ หลังกระแสดูดนักการเมืองร่วม รบ. ระบุพร้อมแจงทุกความเห็นไม่โกรธ

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พล.ท.สรรเสริญ แแก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสวนดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชนหนุนให้รัฐบาลและ คสช. ปลดล็อคให้กับพรรคการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไข ว่า โพลที่ว่าไปสอบถามจากใคร เพราะปัจจุบัน โพลก็มีอยู่หลายโพลด้วยกัน ดังนั้นต้องไปดูว่า เขาไปสอบถามจากใครบ้าง ขณะนี้มีตารางอยู่แล้วว่า กำลังจะมีการเชิญหารือกันในช่วงมิถุนายนนี้ เมื่อมีการหารือเสร็จก็จะได้ข้อสรุปว่าตกลงจะทำอย่างไรกันต่อไป ทำอะไรจะต้องมีตารางเวลา มีแผนงาน ไม่ใช่จะให้ทำวันนี้พรุ่งนี้ ซึ่งแผนงานก็ไม่ได้ไกลเกินไป ใช่หรือไม่ อย่าเครียดกันนักเลย

เมื่อถามว่า ในโพลสะท้อนด้วยว่า การที่รัฐบาลดึงพรคการเมืองและนัหหารเมือง เช่น กรณีของนายสนธยา คุณปลื้ม และนายสกลธี ภัทริยกุล เข้ามาร่วมทำงานในรัฐบาลกับ กทม. เป็นการสร้างแนวร่วมการทางการเมืองในอนาคต เพื่อรองรับพรรคทหาร พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ถือเป็นมุมมองทางการเมืองที่เราจะไปห้ามใครไม่ได้ บุคคลส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือพรรคการเมืองกลุ่มการเมือง นักการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เพราะฉะนั้นเราไปห้ามเขาไม่ได้ว่าจะมีมุมมองอย่างไร เป็นเรื่องที่เขาสามารถมองได้อย่างนั้น แต่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าก็มีแนวทางมีจุดยืน มีข้อมูลที่ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นเรื่องของกระทรวง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นผู้เสนอเข้ามา ดังนั้นการที่ให้ใครสักคนหนึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ก็อย่ามองเพียงว่า เป็นนักการเมืองหรือไม่ เพราะคนที่เชิญมาเขาคงไม่ได้มองแค่นั้น แต่ดูว่าใครที่มีความรู้ความสามารถ พอที่จะช่วยผลักดันประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ และเขาอยู่พื้นที่ไหน ขณะที่เรากำลังจะผลักดันเรื่องอีอีซี ดังนั้น คนที่ถูกเชิญมามีความรู้ มีความกว้างขวางในพื้นที่ เข้ามาแล้วเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการก็ต้องทำ

“หลักการที่นายกฯให้ คือเราไม่ได้สนใจว่า เขาเป็นนักการเมืองหรือไม่ได้เป็นนักการเมือง ขออย่างเดียวคือให้มีประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ ก็ต้องทำ แล้วในอดีตที่ผ่านมา ถ้าย้อนกลับไปดู สมัยก่อนที่การเมืองยังปกติกันอยู่ ถามว่า พรรคการเมืองทั้งหลายมีปฏิบัติอย่างนี้กันหรือไม่ ย้ายจากพรรคนี้ไปพรรคนั้น จากพรรคนั้นโยกไปพรรคนี้ ก็มีอยู่ใช่หรือไม่ ฉะนั้นอย่าไปคิดให้ทุกอย่างเป็นการเมือง ต้องรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน รัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธ ที่จะไม่รับฟังข้อคิดเห็น หรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่ได้โกรธด้วย เพราะเป็นมุมมองเป็นสิทธิที่ทุกคนคิดได้ แต่เราก็ชี้แจงเหตุผลของเราไป ส่วนสังคมจะพิจารณาอย่างไรก็สุดแล้วแต่” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว