เผยแพร่ |
---|
เหมือนกับพรรคเพื่อไทยจะเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของคสช.และโดยเฉพาะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อาจใช่
เพราะว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทยแจ่มชัดตั้งแต่หลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และโดยเฉพาะหลังรัฐประหารเดือนพฤษภา คม 2557
1 ไม่เอารัฐประหาร 1 ไม่เอานายกรัฐมนตรีจากคณะรัฐประหาร
ขณะที่ผลการเลือกตั้งนับแต่ปี 2544 ในยุคพรรคไทยรักไทย เรื่อยมาจนถึงปี 2554 ในยุคพรรคเพื่อไทย ชัยชนะยังเป็นของพรรคเพื่อไทยไม่แปรเปลี่ยน
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่ายังมีปัจจัยจาก”พรรคประชาธิปัตย์”
พรรคประชาธิปัตย์ต่างหากคือ ตัวแปรอย่างแท้จริงหากมองจากทางด้านของคสช.
ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยทำแต้มส.ส.ได้ไม่ถึง 250
ตราบนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นตัวชี้ขาด ไม่ว่าทางด้านที่เป็นตัวขวางคสช. และไม่ว่าทางด้านที่เป็นตัวเสริมคสช.
หากพรรคเพื่อไทยทำแต้มอยู่ระหว่าง 200 แต่ไม่ถึง 250 ตัวเลขของพรรคประชาธิปัตย์จะมีผลสะเทือนโดยฉันพลัน หากยัง ยึดอยู่กับหลักการสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรี “คนนอก”
จึงมีความจำเป็นที่คสช.จะต้องดำเนินกลยุทธ์ 1 ผลักดันให้ พรรคประชาธิปัตย์ชูธงต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า”ระบอบทักษิณ”ขึ้นสูงเด่น
ขณะเดียวกัน ก็พยายามดำเนินกลยุทธ์ 1 ลดธงต่อต้านนายกรัฐมนตรี”คนนอก”ให้ต่ำลง
หรือกระทั่งไปถึงขั้นพับเก็บไว้ในกรุ
หากมองกลยุทธ์ของ”พรรคคสช.”เฉพาะหน้าในขณะนี้ คือการใช้พลัง”ดูด”อย่างเต็มที่
แต่กลยุทธ์ที่หมกเม็ดไว้อย่างมิดชิดยังมีอีกเยอะ
โดยเฉพาะบทบาทของ “กปปส.”อันเหมือนกับ “ม้าไม้”ที่ซ่อนแฝงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งต่อสายกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
คนเหล่านี้จะโดดเด่นอย่างยิ่งหลัง”เลือกตั้ง”
คนเหล่านี้จะกำหนด”เกม”ให้พรรคประชาธิปัตย์ก้าวเดิน