‘พาณิชย์’ มั่นใจเหตุความไม่สงบซีเรีย-สงครามการค้ามหาอำนาจไม่กระทบส่งออก เดินหน้าเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอินเดีย

พาณิชย์ มั่นใจเหตุความไม่สงบซีเรีย-สงครามการค้ามหาอำนาจไม่กระทบส่งออก เดินหน้าเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอินเดีย หาตลาดทดแทนรับมือหากเกิดสงครามการค้า

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ ความไม่สงบในประเทศซีเรียนั้น ยังไม่กระทบกับการค้าของประเทศไทย ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงของไทยเอง ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลาม

ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย แต่อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศเล็กที่อาจจะได้รับผลกระทบได้หาก 2 ประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของโลกมีมาตรการ หรือการดำเนินการใดๆที่อาจทำให้เกิดสงครามการค้าขึ้น

ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้ติดตามสถานการณ์และมาตรการต่างๆอย่างใกล้ชิด และได้มีการเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบแล้ว
โดยส่งเสริมการทำตลาดใหม่สำหรับการส่งออก ขณะเดียวกันก็มีมาตรการในการป้องกันไม่ให้สินค้าจากประเทศอื่นๆไหลทะลักเข้ามา จนกระทบต่อสินค้า และอุสาหกรรมภายในประเทศ หากเกิดการกีดกันทางการค้า หรือหากมีสงครามทางการค้าเกิดขึ้นจริง

นอกจากนี้ ไทยยังได้เดินหน้าดำเนินการจัดทำหุ้นส่วน ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดีย เพื่อขยายการค้าการลงุทน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากภาวะการค้าที่ตึงเครียด โดยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจไทยออกไปลงทุนในอินเดียมากขึ้น เพราะมีโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวสูง และจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ ทำให้ไทยสามารถเชื่อมโยงการเดินทาง การขนส่ง และระบบโลจิสติกส์กับอินเดียได้ และสนับสนุนเรื่องการค้าระหว่างกัน

ขณะที่อินเดียให้ความสนใจที่จะลงทุนในไทยในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ด้วย เพราะมีความมั่นใจ และมองว่าไทยมีศักยภาพในการลงทุน เห็นได้จากปีที่ผ่านมาอินเดียมีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 10,385 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 34% อินเดียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้

โดยไทยส่งออกไปอินเดีย เป็นมูลค่ากว่า 6,400 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออก เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น

ส่วนการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยได้เข้าไปลงทุนในอินเดีย เป็นมูลค่ากว่า 8,144 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป รวมไปถึงอุตสาหกรรมเมืองแร่ และชิ้นส่วนยานยนต์