เมื่อวันที่17เมษายนพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ซึ่งเป็นวันแรกที่นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯกทม. เข้าร่วมประชุมภายหลังจากได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 10 เมษายน

พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยภายหลังการประชุมถึงการแต่งตั้งนายสกลธี เป็นรองผู้ว่าฯกทม. และการแบ่งงานรองผู้ว่าฯกทม.ใหม่ ว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งและมอบหมายงานรองผู้ว่าฯกทม.เพื่อความคล่องตัวมากกว่าเดิม ซึ่งคนที่ปรับเปลี่ยนออกไป เช่น พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข เปลี่ยนจากรองผู้ว่าฯกทม.เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายและไม่ได้มีอคติใดๆ แต่อยากให้ทำงานหลากหลายขึ้น

“ผมต้องการทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลความขัดแย้งหรือนัยยะทางการเมืองใดๆ”พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราเหตุใดถึงเลือกนายสกลธี มาเป็นรองผู้ว่าฯกทม.

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า “ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นคนนี้ ต้องไปถามรัฐบาลว่าทำไมรัฐบาลถึงเลือกอัศวินมาเป็นผู้ว่าฯกทม. เพราะรัฐบาลก็มีเหตุผลอยู่ในตัว และผมก็มีเหตุผลอยู่ในตัวว่าทำไมถึงต้องเลือกคนนี้มาเป็นรองผู้ว่าฯกทม.” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสกลธี ยังมีคดีฟ้องร้องในชั้นศาลอยู่ จะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน  กล่าวว่า ขณะที่ศาลยังไม่ตัดสิน ถือว่ายังไม่มีความผิด และถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่  หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ต้องรับโทษจำคุก คือหมดสภาพจากตำแหน่งทันที แต่ขณะที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายสกลธีด้วย อย่าไปมองว่าถูกฟ้องแล้วจะแต่งตั้งเป็นอะไรไม่ได้เลย

เมื่อถามอีกว่า มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารกทม.อีกหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ถ้าอะไรทำแล้วไม่สมประโยชน์ประชาชน ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด ไม่มีข้อจำกัดเวลาว่ากี่วัน กี่เดือนจะต้องเปลี่ยน หากทำงานดี ตอบสนองประชาชนได้ดีก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ยกเว้น สนองความต้องการของประชาชนไม่ได้ก็จำเป็นต้องเปลี่ยน