เผยแพร่ |
---|
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมทีมเศรษฐกิจกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้เชิญหน่วยงานต่างๆมาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ว่า โดยทุกฝ่ายกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้นำกระทบจากการที่สหรัฐฯปรับเพดานภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ไปหารือระหว่างการประชุมกรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐระดับรัฐมนตรี (TIFA) (ครั้งที่ 15 ที่สหรัฐฯ ซึ่งผลกระทบอาจเกิดต่ออุตสาหกรรมไทย โดยแต่ละปีไทยส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปสหรัฐฯประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เบื้องต้นเชื่อว่ากรณีดังกล่าวอาจกระทบกับไทยบ้างเพียงเล็กน้อย แต่ก็ต้องติดตามและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศฐานการผลิตที่ส่งออกไปยังจีน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวเลขความเสียหาย ขณะเดียวกันสหรัฐมีมาตรการกับจีน อาจจะเป็นประโยชน์กับไทยในบางรายการสินค้าที่สหรัฐไม่สามารถส่งออกได้ ซึ่งไทยควรใช้โอกาสนี้ในการเปิดตลาด
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้กำลังทำการศึกษาการเจาะตลาดไปยังจีน และสหรัฐ เพื่อเติมเต็มตัวเลขที่หายไปจากการตอบโต้ของสหรัฐและจีน หากมองในแง่ด้านบวกเชื่อว่าไทยเพิ่มส่วนแบ่งในสหรัฐได้ 300-1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการณีการกีดกันทางการค้าระหว่างสองชาติ ส่วนตลาดจีนไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 300 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกรณีสหรัฐห้ามสินค้าจีนก็จะเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้โดยตรง เช่น ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดิส และในแง่ลบ สินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐมาจีน หรือ จีนไปสหรัฐอาจจะมีการทะลักไปยังตลาดอื่นๆ ซึ่งไทยจะต้องเตรียมมาตราการและความพร้อมในการรับมือ
“สงครามการค้าครั้งนี้ไทยจะต้องระมัดระวังและสร้างโอกาส ทั้งเรื่องการเจรจา และการบุกตลาด โดยไทยจะเร่งเสริมตลาดในเมืองหลักปละเมืองรองทั้งของจีนและสหรัฐ โดยไทยเตรียม 4 แนวทางในการป้องกันปัญหา ได้แก่ การเจรจาระหว่างไทย-จีน ทั้งนี้หากดำเนินการแลัวไม่สำเร็จ ไทยจะต้องตั้งรับโดยการออกมาตรการปกป้องธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องในประเทศ ส่วนการณีที่มีสินค้าที่เจรจาแล้วแต่ไม่สำเร็จและถูกกดดัน ไทยจะใช้มาตรการตอบโต้กลับหรือเสนอต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ซึ่งในระยะสั้นอาจจะกระทบต่อการค้าทั่วโลกที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า จะต้องมองลึกลงไปรายสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องเหล็กมองทั้งก้อนเราส่งออก 300 กว่าล้านเหรียญ โดยส่วนใหญ่เป็นท่อเหล็ก ดังนั้น แปลว่าไม่ได้สูญเสียเหล็กไปสหรัฐ หรือหายไปทั้งก้อน ดังนั้นเราจะต้องมองเป็นรายสินค้า ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด จากนี้เราจะทำการบ้านเชิงลึกให้มากขึ้น เช่น ตลาดผลไม้ที่สหรัฐไม่สามารถส่งออกมาจีนได้ เราก็จะตัองใช้โอกาสนี้บุกตลาด อย่างไรก็ดีเบื้องต้นมีสินค้า 50 รายการที่อยู่ในแวลูเชนที่มีการส่งออกไปจีน เช่น ก๊อกน้ำ เครื่องจักรไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น เบื้องต้นเชื่อว่าไทยจะยังรักษาเสถียรภาพทางการค้าไว้ได้ และเร็วเกินไทยที่จะมีการสรุปผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ยืนยัน พาณิชย์ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด และ ยังเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะยังส่งออกเป็นบวกไม่น้อยกว่า 8% แต่หากสถานการณ์รุนแรงก็คงต้องมีการทบทวนกันต่อไป