วันที่ 5 เมษายน 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายเกร็ก วอลเดนและนายแฟรงค์ พาลโลนน์2 สมาชิก ส.ส.จากรีพับลิกันและเดโมแครตได้ขึ้นแถลงร่วมกันว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กจะเดินทางขึ้นให้การต่อคณะกรรมการของสภาคองเกรสสหรัฐฯ จากกรณี ‘เคมบริดจ์ แอนาไลติก้า’ บริษัทที่ปรึกษาทางการเมือง เอาข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านคนไปอย่างไม่ถูกต้องและนำไปใช้ในลักษณะแทรกแซงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 โดยนายซัคเคอร์เบิร์กจะปรากฎตัวในการรับฟังร่วมของคณะกรรมาธิการด้านยุติธรรมและพาณิชย์ของวุฒิสภาในวันที่ 10 เมษายน และอีกครั้งต่อหน้าคณะกรรมาธิการกิจการพลังงานและพาณิชย์ในวันที่ 11 เมษายน

“การรับฟังดังกล่าวจะเปิดโอกาสครั้งสำคัญที่ฉายถึงประเด็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคที่น่าเป็นห่วงมากและช่วยให้ชาวอเมริกันเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนตัวบนออนไลน์ได้มากขึ้น” 2 ส.ส.กล่าว

ถ้อยแถลงดังกล่าว เป็นการย้ำสิ่งที่นายซัคเคอร์เบิร์กได้ออกมากล่าวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า จะเตรียมขึ้นให้การต่อสภาคองเกรส แต่ได้ปฏิเสธเดินทางไปให้การต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาอังกฤษถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

ขณะที่ หุ้นของเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ ปิดตัวที่ 0.6 เปอร์เซ็นต์ หรือ 155 ดอลลาร์ ซึ่งร่วงลงไปอีก 16 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เรื่องอื้อฉาวถูกเปิดโปง

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีการเปิดเผยว่าบริษัทเคมบริดจ์ แอนาไลติก้า ซึ่งทำงานด้านให้คำปรึกษาในช่วงนายโดนัลด์ ทรัมป์ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้เอาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กไปกว่าสิบล้านบัญชี ทำให้เฟซบุ๊กได้ทำการระงับบัญชีของเคมบริดจ์ แอนาไลติก้าและบริษัทลูกและว่าจ้างหน่วยตรวจสอบทางนิติเวชเข้าสืบสวนว่าเคมบริดจ์ แอนาไลติก้ายังคงมีข้อมูลอยู่หรือไม่ ทำให้เฟซบุ๊กต้องเจอแรงกดดันทั้งหลักปฏิบัติิในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและหยุดยั้งสงครามข้อมูลข่าวสารบนแพลตฟอร์มของตัวเองด้วย