ขบวนการ ต้อนรับ “อนาคตใหม่” เป้า “ดับดาวรุ่ง” ไม่มี”อนาคต”

พลันที่เปล่งคำประกาศ “อนาคตใหม่” จักต้องอยู่ในมือและด้วยการตัดสินใจของ “ประชาชน”
ความหมายแห่ง “อำนาจอธิปไตย”เป็นของ”ปวงชน”ก็ชัด
ไม่ว่าคำประกาศนี้จะออกมาจากปากของ นายกฤตนัน ดิษฐ บรรจง หรือออกมาจากปากของ น.ส.นลัทพร ไกรฤกษ์
ก็ไม่ต่างจากปากของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ก็ไม่ต่างจากปากของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
“ทุกคนที่ร่วมจดจัดตั้งพรรคเป็นคนธรรมดา ไม่มีใครเป็นคนมีลาภยศ ชื่อเสียง วันนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เราเชื่อว่าคนธรรมดาสามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองได้”
นี่คือ “เสียงใหม่” และมาดหมายให้เป็นเสียงแห่ง”อนาคต”

หากมองจาก “ติ่ง”จากพรรคประชาธิปัตย์ หากมองจาก”เยิร์ม”แห่งแวดวงศิลปิน หรือมองจาก”ไม้ที”แห่งแวดวงสื่อ
ก็จะตระหนักในความหวาดกลัว
การออกมา ACTION จากคสช.เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
พวกเขามิได้กลัว”ธนาธร ปิยบุตร”
หากแต่เป็นความกลัวต่อการปรากฎขึ้นของแต่ละคนในลักษณะอันเป็น “ตัวแทน” ในทาง “ความคิด”
ไม่ว่า “เกษตรกร”รุ่นใหม่จาก “สุรินทร์”
ไม่ว่า “ผู้ใช้แรงงาน”รุ่นใหม่จากอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์บรรจุภัณ
“ความคิด” ต่างหากที่พวกเขา”ขนพองสยองเกล้า”

ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าปลายทางของ”พรรคอนาคตใหม่”จะเป็นอย่างไร
เป็นเหมือนพรรคพลังใหม่ เป็นเหมือนพรรคพลังธรรม
แต่ที่แน่นอนอย่างที่สุดก็คือ เมื่อเขาพยายามจะรวบรวมพลังของคนรุ่นใหม่เพื่อกำหนดอนาคตของตนเอง ย่อมจะยืนอยู่ตรงกัน ข้ามกับคนรุ่นเก่าเจ้าของ”ยุทธศาสตร์ 20 ปี”อย่างแน่นอน
นับจากนี้เป็นต้น กระบวนการ”ต้อนรับ”น้องใหม่จะยิ่งดำเนินไปด้วยความเข้มขัน เชี่ยวกราก จากบรรดาคนรุ่นเก่าผู้มากด้วยพลานุภาพ
เป้าหมายแจ่มชัดว่า เป็นยุทธการ”ดับดาวรุ่ง”มิให้พุ่งแรง