วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียได้เข้าหารือกับไทยถึงชะตาชีวิตของชาวมุสลิมอุยกูร์ 11 คนที่อยู่ในมาเลเซีย หลังจากแหกศูนย์กักกันหนีข้ามแดนมายังมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว โดยได้รับรายงานว่า เดือนนี้ทางมาเลเซีย สามารถกักตัวชาวอุยกูร์ 11 คนจากจีน ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 20 คนที่หลบหนีจากประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และทางรัฐบาลจีนได้พูดคุยกับมาเลเซียในเรื่องส่งตัวกลับประเทศ

แหล่งข่าวระบุว่า มาเลเซียถูกกดดันอย่างหนักจากจีน ให้ส่งมอบตัวกับรัฐบาลจีน ไม่ใช่กับประเทศไทย และต่อมามาเลเซียได้รับคำร้องขออย่างเป็นทางการจากจีนให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนทั้ง 11 คน

นายฮามิดีกล่าวว่า เรากำลังหารือถึงสถานการณ์ดังกล่าวกับไทย โดยเราจะต้องลงมือปฏิบัติซึ่งจะไม่ทำให้ประเทศใดไม่พอใจและการตัดสินใจนี้ หวังว่าจะเป็นการปฏิบัติที่ดีที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่ต้องรับมือความเห็นขององค์กรสิทธิมนุษยชนนั้น นายฮามิดีกล่าวอีกว่า เราจะต้องเจรจาเพิ่มเติมซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการทูตและความมั่นคงของประเทศ

ขณะที่ สหรัฐฯได้เรียกร้องทางการมาเลเซียให้ความคุ้มครองชั่วคราวแก่ชาวมุสลิมอุยกูร์ ขณะที่ฮิวแมนไรท์ วอทช์เรียกร้องให้มาเลเซียให้ความเชื่อมั่นว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวจะไม่ถูกบังคับส่งตัวกลับไปยังจีนที่พวกเขาจะต้องเผชิญภัยคุกคามจากการคุมขังและการทรมาน

ทั้งนี้ ชาวอุยกูร์จำนวน 20 คนได้ร่วมกันแหกห้องขังในศูนย์กักกันคนต่างด้าวสะเดาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยไทยสามารถจับกลับมาได้ 5 คน ในเดือนต่อมา นับว่าเป็นกลุ่มหลบหนีที่ใหญ่มากจากชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวในไทย ซึ่งในปี 2014 มีจำนวนกว่า 200 คน  โดยสมาชิกกลุ่มที่หลบหนีได้ระบุว่าพวกเขาเป็นพลเมืองตุรกีและขอให้ส่งตัวไปยังตุรกีแต่ก็มีอีกว่า 100 คนถูกบังคับส่งกลับจีนในเดือนกรกฎาคมปี 2015 ส่งผลเกิดเสียงประนามจากนานาประเทศ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนที่กังวลว่าพวกเขาจะเผชิญการทรมานในจีน