เผยแพร่ |
---|
สว.สำรอง ร้อง กมธ.ป.ป.ช. สอบ ‘กกต.-แสวง’ ปมฮั้วเลือกสว. เหตุอิดออด-ไม่แข็งขันดำเนินการตามหน้าที่ ด้าน ‘ฉลาด’ รับลูก เตรียมส่งข้อมูลให้อนุฯกลั่นกรองเรื่อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ยื่นหนังสือถึงนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร
เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายแสวงบุญมี เลขาธิการ กกต. ในฐานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่งผลให้การเลือก สว.เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
โดยนายฉลาด กล่าวว่า ตามข้อบังคับและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งและสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่นั้น ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนและผู้สมัครว่า เหตุใดการสรรหาของกกต.ที่อ้างว่าทำตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามความสุจริตและเที่ยงธรรม จึงเข้ามายื่นเรื่องถึง กมธ.ป.ป.ช.
แม้เราจะไม่มีอำนาจในการลงโทษบุคคลใด แต่เราจะทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อบังคับ และเมื่อได้ความอย่างไรแล้ว จะนำส่งรายงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการมอบหมายให้คณะอนุกมธ.กลั่นกรอง ภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้ว่าเกี่ยวเนื่องกับอำนาจของกมธ.ป.ป.ช.หรือไม่ หากเกี่ยวเนื่องก็จะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างต่อทุกคน
ทั้งนี้ กมธ.ป.ป.ช.ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และจะทำให้ทันตามกำหนดเวลาที่มีอยู่ เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว หากยังขาดตกบกพร่องในส่วนไหนก็จะขอเพิ่ม เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่ากระบวนการของประเทศไทยยังอยู่ภายใต้กฎหมาย และอาจจะใช้เวลาในช่วงการปิดสมัยประชุมสภาเพื่อดำเนินการตามมติ
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ยืนยันว่ามีการกระทำการโดยมิชอบ หรือทุจริตในการเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กกต.และนายแสวง ได้รับแจ้งว่าจะมีการนำโพยที่ส่อทุจริตเข้าไป แต่ก็ไม่ได้ทำการแก้ไข จึงเป็นเหตุให้คนส่วนหนึ่งนำโพยดังกล่าวเข้าไปใช้ จนทำให้เกิดความไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาหลายประการ
ซึ่งพวกตนก็ได้ใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 61 ในการร้องเรียนและคัดค้าน บอกตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเลือก และมีการนำพยานหลักฐานเอกสาร รวมถึงพยานบุคคล ไปให้กกต.มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่า 8 เดือนที่ผ่านมา การดำเนินการของกกต.ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลย มีเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้อ้างว่ามีการฟ้องและเพิกถอน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ เราพยายามติดตามอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากคำว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการ จนกระทั่งเราได้ไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา เมื่อเรารวบรวมพยานหลักฐานพบว่า มีความเกี่ยวพันกับคดีอาญาที่เกี่ยวกับเรื่องอั้งยี่ ตั้งแต่กระบวนการแรกก่อนที่จะมีการจับกลุ่มนำประชาชนมาสมัคร
ซึ่งดีเอสไอก็ได้รับสำนวนคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยใช้เรื่องการฟอกเงินเป็นคดีพื้นฐาน ขณะนี้ทราบว่า กกต.ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับดีเอสไอเพื่อสอบสวน ในส่วนที่เป็นความผิดของการเลือกตั้ง
แต่เหตุที่ตนจำเป็นต้องมาในวันนี้ คือแม้กกต.จะมีการดำเนินการในภายหลังแล้ว ก็ยังมีทีท่าอิดออด ไม่พยายามดำเนินการตามกฎหมายที่มี เมื่อเราพยายามทวงถามและแนะนำกระบวนการทำงาน กลับไม่ได้รับการสื่อสารสองทางแต่อย่างใด จึงใช้ช่องทางนี้หาความจริงให้ปรากฏว่า กกต.ทั้งองค์กร ไม่แข็งขันเท่าที่ควร ไม่ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่
ฉะนั้น เวลาที่เหลืออยู่อีกแค่ 3 เดือนนี้ ซึ่งยังเหลือเรื่องใหญ่ๆ อีกมาก กกต.ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนพอ เราจึงหวั่นเกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวม จึงหวังว่ากมธ.ป.ป.ช.จะเป็นที่พึ่ง และกระตุ้นให้ กกต.กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแท้จริง