‘กัณวีร์’ แฉละครคุณธรรม ไม่ทำให้ทั้งโลกเชื่อได้ จี้ขอหลักฐานการสมัครใจที่แท้จริง เปิดคลิปเสียงชาวอุยกูร์ไม่ขอกลับจีน

‘กัณวีร์’เปิดคลิปเสียงชาวอุยกูร์ไม่ขอกลับจีนและบัตรสัญชาติตุรกี พร้อมไทม์ไลน์ 73 วันแห่งการโกหก ‘Thailywood’ โลกทั้งใบให้นายคนเดียว แฉละครคุณธรรม ไม่ทำให้ทั้งโลกเชื่อได้ จี้ขอหลักฐานการสมัครใจที่แท้จริง ย้ำไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ทุจริตเชิงนโยบายต่สงประเทศ

วันที่ 24 มีนาคม 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายสนับสนุนผู้นำฝ่ายค้านในญัตติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นายกัณวีร์ กล่าวว่า เหตุผลไม่แตกต่างจากผู้นำฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีคุณสมบัติขาดภาวะผู้นำ ขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำตัวลอยกฏหมายทั้งภายในและภายนอกและจารีตประเพณี ทำให้ทุจริตบิดเบือนการแถลงนโยบายโดยเฉพาะนโยบายระหว่างประเทศทำลายความเชื่อมั่นกับต่างชาติ ในเรื่องที่รัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรีผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ กลับไปจีนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2568

นายกัณวีร์ กล่าวว่าตนคงต้องฉายหนังที่รัฐบาลพยายามฉายหนัง ทำให้เป็นจริง เรื่อง
Thailywood ภาพยนต์เรื่อง โลกหลายใบ แต่ให้นายคนเดียว เป็นซีรีส์ที่จะเล่าในตอน 73 วันแห่งการโกหก เล่นละคร ทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ชาติในเวทีโลก กรณีการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ให้กับนายใหญ่เชื้อสายจีน โดยเปิดตัวละครที่สร้างหนัง แสดงนำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแสดงหลักนอกจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงหลาโหม
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม และ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ที่มี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ คอยเป็นกระบอกเสียง

“ผมขอย้ำนโยบายการต่างประเทศรัฐบาลแพทองธาร ที่แถลงต่อรัฐสภา บอกว่ารักษาจุดยืนของการไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ จะคำนึงถึงกรอบความมั่นคงเวทีโลกและสันติภาพ การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก การสร้าง Soft Power เช่น FTA แต่ถามจริงๆได้ทำหรือไม่แต่กลับฟรีวีซ่า นำเข้าจีนเทา ส่งออกผู้ลี้ภัย อย่างนี้จะเป็นกลางกี่โมง”

นายกัณวีร์ ยังได้เปิดภาพ รมว.ต่างประเทศ ที่ western wall จึงถามว่าท่านทำเองหรือใครสั่งต้องถามว่าปัจจุบันนี้เราเลือกข้างไปอยู่อิสราเองตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นรมว.ต่างประเทศไปทำได้อย่างไร นายกฯสั่งเหรอ

“19 ธ.ค.2567 ท่านไปรับรองหรือไม่ว่าสภาทหารพม่าจะเลือกตั้งใหญ่ เลือกข้างอีกแล้วเหรอ นายกรัฐมนตรีมีบัญชาหรือไม่ ยังมีผู้ช่วยรมว.กระทรวงจีนมาปราบคอลเซ็นเตอร์ ประเทศไทยอยุ่ตรงไหน เรื่องต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ท่านเขียนด้วยมือลบด้วยเท้าสกปรก นโยบายต่างประเทศ ทุจริตนโนบายด้วยหรือไม่”

นายกัณวีร์ กล่าวว่าตนจึงขอย้ำเรื่องการผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คน กลับจีน หากท่านเข้าใจจริงๆมาตรฐานสกล ที่ยึดมั่นจะทราบดีว่า
การแก้ไขปัญหาแบบยังยืนผู้ลี้ภัย มี 3 แนวทาง ทั้งการเดินทางกลับแบบสมัครใจ VolRep อยู่ที่ประเทศที่ลี้ภัย Local Integration และตั้งถิ่นฐานใหม่ประเทศที่ 3 Resettlement แต่การกระทำของรัฐบาลแพทองธารเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 มีเส้นบางๆที่ทำอยู่ ที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นการเดินทางกลับโดยสมัครใจ หรือ การผลักดันบังคับกลับประเทศต้นทาง Forced Deportation

“ท่านนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า สมัครใจค่ะ ไม่ลั้นต้องลากสิ นี่ไม่มีการลาก เดินขึ้นกันปกติ เราได้ทำการเวริ์คหลักบ้านกันแล้ว ถ้าไม่ชัวร์เราไม่ทำแน่อยู่แล้วค่ะเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้พูดไว้กับสื่อหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น บอกว่าเขาสมัครใจกลับ”

นายกัณวีร์ เปิดตัวละครถัดไปเป็นชาวอุยกูร์ 30 ชีวิต จากกว่า 40 ชีวิต เป็นข้อมูลมาจาก สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง โดยระบุว่าตนขอเปิดหลักฐาน รายชื่อ 40 ชีวิตชาวอุยกูร์ที่ถูกผลักดันกลับจีน ทราบไหมครับ สัญชาติที่ไทยบันทึกใน IDC Card หรือผู้ต้องกักตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า มีสัญชาติ ตุรกี แต่ทำไมสถานทูตจีนมาเกี่ยวข้อง แล้วได้พูดคุยกับสถานทูตตุรกีหรือไม่ ทำไมท่านคุยแต่รัฐบาลจีน

นายกัณวีร์ เปิดไทม์ไลน์ 73 วัน แห่งการโกหกของ รัฐบาล น.ส.แพทองธารชินวัตร ที่ทำลายภาพลักษณ์ไทยในเวทีระหว่างประเทศ

เริ่มต้นเมื่อ7 มกราคม 2568 ซึ่งมาทราบตอนหลังว่า จีนส่งจดหมายขอตัวชาวอุยกูร์ 45 คนจากไทย ทั้งๆที่เรามีหลักฐานว่าเขาเป็นคนตุรกี นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการโกหก ซึ่งเอกสารโดยสถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เลขที่ TCE/PU 015(25) ส่งถึงกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งจุดยืนตามคำสั่งของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการส่งตัวบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 45 ราย กลับประเทศ พร้อมคำมั่น 6 ข้อ และจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถ่ายรูปผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ พร้อมให้อ่านเอกสารบางอย่างเพื่อเซ็นต์ แต่ไม่มีผู้ต้องกักคนไหนยอมเซ็นต์

“ผมมีหลักฐานทั้งจดหมายจากสถานทูตจีน และแชทใน Whatsapp สตม.ว่าง่ายถ่ายรูปชาวอุยกูร์ในห้องกักทันที ซึ่งผมมีหลักฐานมีคนที่คุยกับชาวอุยกูร์ในห้องกักมายืนยันได้”

10 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองถ่ายรูปผู้ต้องกักชาวอุยกูร์เพิ่มเติม พร้อมให้อ่านเอกสารบางอย่างเพื่อเซ็นต์ แต่ไม่มีผู้ต้องกักคนไหนยอมเซ็นต์ ทำให้ชาวอุยกูร์ ประท้วงอดอาหาร โดยแชทในวอทซ์แอป ระบุว่า ชาวอุยกูร์หวั่นถูกส่งกลับจีน จึงอดอาหารประท้วง จากนั้นมีถ้อยแถลงเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้แสวงหาที่พักพิงชาวอุยกูร์นประเทศไทยขอบคุณทุกคนและทุกองค์กรที่ร่วมกันลงนามสนับสนุนแถลงการณ์
รวมถึงจดหมาย SOS ของชาวอุยกูร์ที่ส่งไปถึงนักข่าวต่างประเทศ ขอความช่วยเหลือ เขายอมตายด้วยการอดข้าวประท้วง

นายกัณวีร์ ได้เปิดคลิปเสียง โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 ทางผู้ต้องกักส่งคลิปเสียงมาว่า ทาง สตม.แจ้งว่าจะไม่ส่งกลับ ทุกอย่างเป็นแค่ข่าวลือ และคลิปเสียงว่าไม่อยากกลับจีน อย่าส่งกลับเลย

ถอดเทปคลิปที่ 1 “ถ้าคุณทำได้ ช่วยบอกชาวไทยมุสลิมว่า ช่วยบอกรัฐบาลไม่ให้ส่งเรากลับไปยังจีน ปล่อยเราไปประเทศอื่น ช่วยบอกหน่อย ให้ชาวไทยมุสลิม ไปบอกรัฐบาลไทย”

ถอดเทปคลิปที่ 2 “เจ้าหน้าที่ห้องกักบอกว่าตอนนี้คุณกลับจีนไม่ได้แล้วการบอกว่าจะส่งกลับจีนเป็นเรื่องโกหกคุณจะไม่ถูกส่งไปจีน

“อย่างนี้แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตม หลอกผู้ต้องกักว่าว่าไม่ส่งไปจีน ผมบิดเสียง เพราะกลัวอันตรายของคนที่กลับไปจีนจะอันตราย”

จากนั้น 15 มกราคม 2568 ก่อนที่ Robio กล่าวในคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าไม่เห็นด้วยกับการผลักดันกลับ

17 มกราคม 2568 ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวันนั้น ตนทักไปว่ามีการส่งกลับชาวอุยกูร์ หรือไม่ ก่อนมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพียง 20 นาที และสุดท้ายมีมติว่าส่งกลับชาวอุยกูร์ เรามาทราบในภายหลังในวันที่ 12 มีนาคม ว่ามีมติไปตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม ซึ่งในเวลา 12.45 ของวันนั้น รองนายกฯภูมิธรรม ออกมาปฏิเสธไม่มีการส่งกลับในเร็ววันนี้ แล้วสวนกัณวีร์ ว่ารู้ได้อย่างไร

21 มกราคม 2568 ขณะที่ไทยปิดหูปิดตา แต่ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ด่วน ไม่เห็นด้วยกับการส่งชาวอุยกูร์ 48 คน กลับจีน อย่างที่มีข่าว โดยย้ำว่าจะมีความเสี่ยงต่อการบังคับทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เขารู้กันทั่วโลก แต่เราปฏิเสธ

22 มกราคม 2568 โฆษก สตม.ยืนยันยังไม่ได้รับคำสั่งให้ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน

28 มกราคม 2568 ชาวอุยกูร์หยุดการประท้วงอดอาหารเป็นเวลา 19 วัน จาก 10-28 มกราคม หลังถูกถ่ายรูปทำเอกสารต่างๆใน สตม. รู้หรือไม่ มีข้อมูลที่แตกต่างกันว่าหยุดการอดอาหาร คนที่ดูแล ตม.บอกว่า เพราะได้รับความกรุณาจาก กสม.และ ตม.สร้างความเข้าใจให้กลับมาทานอาหารอีกครั้ง

แต่ในการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคง 6 มี.ค.68 ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ชาวอุยกูร์ เปลี่ยนใจเพราะได้รับทราบคำมั่นของทางการจีนที่ตม.ให้อ่าน และทางสตม.แจ้งว่า หยุดอาหาร เพราะได้รับความคุ้มครองจาก กสม.และจุฬาราชมนตรี เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่และทำให้เขากลับมาทานอาหารอีกครั้ง

29 มกราคม 2568 คณะกรรมาธิการกฏหมายฯ เรียกหน่วยงานราชการมาให้ข้อมูลเรื่องการส่งกลับชาวอุยกูร์ แต่ทางสมช.แจ้งในที่ประชุมว่าไม่มีมาตรการส่งกลับ และส่งประเทศที่ 3 ท่านรู้หรือไม่ว่าการกล่าวเท็จในที่ประชุมกมธ.สภา คืออะไร

30 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการผลักดันกลับว่า “สิ่งสำคัญต้องทำตามกฏหมายระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด และต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน แล้วข้อตกลงที่ว่าเราต้องไม่ส่งใครไปในพื้นที่อันตราย ตรงนี้ยังเป็นหลักของรัฐบาลไทยอยู่ขออย่ากังวล และยังพูดด้วยว่า “ส่งอุยกูร์กลับจีน กดดันไทยไม่ได้ ยึดปลอดภัย-สิทธิมนุษยชน

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สตม.อนุญาตให้สถานทูตจีนเข้าพบ เพื่อทำหนังสือสมัครใจกลับประเทศ และ CI หนังสือเดินทางกลับ

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่าชาวอุยกูร์อดข้าวประท้วง ถึง 28 ม.ค. บอกว่าขอตายในห้องกัก ไม่ขอกลับจีนแต่ สตม.อนุญาต ให้จีนเข้าพบ ท่านทราบหรือไม่ว่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องกัก สตม.ก็มายันว่าต้องสมัครใจ
จึงขอตั้งคำถามว่า มติ สมช.ส่งกลับจีนมีขึ้นก่อนให้จีนเข้าพบได้อย่างไรเพราะ สมช.มีมติส่งกลับจีนตั้งแต่ 17 มกราคม 2568 นั่นเป็นการส่งกลับก่อนถามความสมัครใจหรือไม่

6 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเข้าเยี่ยวคารวะ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ แจ้งในที่ประชุม กมธ.ว่า ท่านสีจิ้นผิงได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นพูดกับนายกฯด้วยในวันนั้้น

“ผมไม่แน่ใจว่านายกรัฐมนตรี บอก รมว.ต่างประเทศ แล้วบอก ผช.รมต.มาพูดหรือไม่ ผมเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีต้องรู้”

20 กุมภาพันธ์ 2568 มีการตรวจสุขภาพชาวอุยกูร์สนห้องกัก ทั้งๆที่อยู่มานาน การตรวจสุขภาพ เป็นการเตรียมความพร้อม จึงมีแชทที่ออกมาตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดสิ่งผิดปกติในห้องกักของตม.เขาบอกว่า โดยแล้ว ต้องโดนส่งกลับแน่นอน ทุกคนรู้ แต่นายกฯ ไม่รูู้

นายกัณวีร์ กล่าวว่า จากนั้นอีก 6 วันให้หลัง 26 กุมภาพันธ์ 2568 เที่ยวบินลึกลับ CSN5245 มาถึงดอนเมือง
หนังยาวที่บอกว่าเป็นเครื่องบินที่อาจมารับชาวอุยกูร์ เพราะจะส่งกลับคนจีนจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มาสวนตลอด ข่าวเท็จบ้าง แล้วไงครับ

27 กุมพาพันธ์ 2568 เวลา 02.14 น.มีขบวนรถยนต์ผู้ต้องกักติดฟลิ์มดำหลายคันพร้อมรถนำขบวนเคลื่อนออกจากสถานที่กักตัวของ สตม.ด้วยความรีบเร่งก่อนขึ้นทางด่วนไป

“เป็นรถของใครผมว่าไม่ใช่รถของตม. เป็นรถของกรมราชทัณฑ์ ติดป้ายดำมิด เป็นไปได้เหรอ การขนคนตรวจคนเข้าเมือง การขนย้าย ต้องใช้ของ สตม.สิ ใช้ของ กรมราชทัณฑ์สิ มาปิดลับซับซ้อน มีการปิดหน้าปิดหลัง นักข่าวตามก็ไม่ให้ตาม”

และในเวลา 04.48 น.CSN5246 ออกจากดอนเมืองไป Kashgar,Xinjiang ประเทศจีน ไปถึงเวลา 10.15 น. นักข่าวถามนายกรัฐมนตรีในเวลา10.45 น.นายกไม่รู้รายละเอียดว่าส่งกลับยัง ย้ำยึดหลักการสิทธิมนุษยชน ผลักดันกลับไปแล้วแต่นายกรัฐมนตรีบอกว่า ไม่รู้ต่อมา ผบ.ตร.บอกว่ายังไม่ขอให้รายะเอียด ปมส่งตัวอุยกูร์ ชี้เป็นเรื่องของความมั่นคง ในขณะที่สำนักข่าวจีนลงข่าว 40 ชาวจีนเข้าเมืองผิดกฏหมายที่ไทยถึงจีนแล้ว และระบุว่า แผนปฏิบัติทุกอย่างผ่านที่ประชุม สมช.เป็นผู้ลงมติ โดยใช้เวลาพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ความแตก โกหกไม่รอดเลยต้องเล่นบทขอความเห็นใจ จะย้ำความทรงจำว่าก่อนหน้านั้น
17 มกราคม ปฏิเสธครั้งที่ 1 โดยรองนายกฯภูมิธรรม
22 มกราคม ปฏิเสธครั้งที่ 2 โดยโฆษก สตม.
29 มกราคม ปฏิเสธครั้งที่ 3 โดยรองนายกฯภูมิธรรม
30 มกราคม ปฏิเสธครั้งที่ 4 โดยรองนายกฯภูมิธรรม
27 กุมภาพันธ์ ปฏิเสธครั้งที่ 5 และปฏิเสธครั้งที่ 6 โดย ผบ.ตร.และนายกรัฐมนตรี

แต่ตอนเย็นโกหกไม่ไหว แล้วรัฐมนตรี 3 ท่าน มาแถลงโกหกไม่ได้แล้วและนำมาซึ่งการแถลงข่าวยอมรับของ 3 รัฐมนตรี

นายกัณวีร์ กล่าวว่าใน 18-20 มีนาคม 2568 เปิดม่านละครคุณธรรม รัฐบาลเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์จำนวน 5 รายที่ประเทศจีน มีการจับไม้จับมือไปเยี่ยม 5 คน ที่คัชการ์ และทำว่าทุกคนอยู่ดีมีสุขมีคำพูดเกียวว่าถูกคนหัวรุนแรงชักชวนให้มา ต่างๆนานา เป็นละครคุณธรรม เป็นละครปลายปิด ที่จะไป ฟอกขาว ให้การกระทำของท่าน ว่าสิ่งต่างๆนั้นสมัครใจ White watching ในจำนวน 5 คน มี 2 คนที่ไปพบ อายุ 37 ปี ลูกเมียเขาถูกตั้งถิ่นฐานไปปี 58 ถ้าบอกไปรวมครอบครัวกับใครถ้าไปพบก็ประเทศที่ 3 อีกคนที่ท่านทวีไปพบ เป็นผู้ป่วยจิตเวช มีเวชระเบียนไหม มียาไหม มีข้อมูลไหม ก่อนจะทำละครคุณธรรม ให้ทั่วโลกเห็นว่า ไม่ถูกต้อง

“ภาพยนตร์เรื่องนี้ 73 วันแห่งการโกหก ปู้ยี่ปู้ยำนโยบายการต่างประเทศ สิ่งที่มาแถลงว่าจะไม่เลือกข้าง รู้ไหมว่าเลือกข้างไปหลายครั้งแล้วท่านเลือกข้างผิด ไม่เลือกข้างสิ่งที่ทำให้ไทยรอดพ้นจากผลกระทบในเวทีระหว่างประเทศ ท่านโดยอะไรบ้างหลังผลักดันอุยกูร์กลับจีน”

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า การประณามจากองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เช่นข้อตกลง FTA ในการผลักดันข้อตกลงไทยกับ EU การตระบัดสัตย์ในประเทศเลวร้ายแล้วแต่กระบัดสัตย์ในต่างประเทศ มันเลวร้าย ที่ห้ามละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการวางอยู่ระหว่างเขาควาย ทำไมเอาตัวเราไประหว่างประเทศ เราต้องมีจุดยืนที่มั่นคงตนไม่เห็นประเทศไทยมีจุดยืนที่มั่นคงในการต่างประเทศ ไม่มีนโยบายใดๆต่อการหลุดพ้นในศตวรรษที่ 21

“ชีวิต 40 ชาวอุยกูร์ ผมยังมีคลิปเสียงว่าพวกเขาขอโทษคนไทยที่ลี้ภัยมาเขาอยู่ไม่ได้เขาหนีการประหัตประหาร ทำไมไม่ฟังเขาหลักฐานสำคัญที่ต้องแสดงให้ได้ คือความสมัครใจต้องเอาเสียงมาพูด อย่าทำละครคุณธรรม ที่กลับไปแล้วมาพูดท่านรู้หรือไม่ หลักฐานของผมมีที่อยากจะโชว์ ว่าเขาไม่สมัครใจกลับประเทศต้นกำเนิด มี 2 แผ่น เป็นใบ มรณบัตร ของชายอุยกูร์ เสียชีวิตเมื่อ 11 ก.พ.66 และอีกคน ชาย 21 เม.ย 66 พวกเขาตายเพราะหัวใจล้มเหลว กระแสโลหิตติดเชื้อ ผมไม่ใช่มุสลิมแต่ผมมีหัวใจมนุษยธรรม”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า 2 ชีวิตนี้ รู้ไหมว่าร่างของเขาถูกฝังในกูโบร์ในกรุงเทพ ถ้าเขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน การขอฝังศพยากเย็นมาก พี่น้องสส.มุสลิม ทราบหรือไม่ เขาไม่อยากกลับประเทศต้นกำเนิดของเขา การไปทำละครคุณธรรม ว่าประสงค์จะกลับบ้านไม่ได้ตอบคำถามใดๆในเวทีระหว่างประเทศ

“วันนี้ต้องโชว์ว่าสมัครใจการแก้ปัญหาลี้ภัยต้งสมัครใจกลับประเทศต้นทางต้องตัดสินใจด้วยตัวเองจะตอบโจทย์ในเวทีระหว่างประเทศได้ย่างไร ผมเชื่อว่า FTA เราต้องโดย สหรัฐฯก็โดนจะทำอย่างไรที่จะตอบโจทย์ การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีและการผลักดันอุยกูร์ ทำผิดมหันต์พาประเทศชาติไปอยุ่หน้าผาเวทีระหว่างประทเสที่จะตกหน้าผา เย้ยหยันกฏหมายระหว่างประเทศ ขนาดประเทศ ที่ท่านช่วยไว เขายังลดเครดิตบูโรในไทย นโยบายต่างประเทศเขียนด้วยมือลดด้วยเท่าสกปกรก ไม่รักษาจุดยืนที่ไม่ไปเป็นส่วนหนึ่งที่ขัดแย้ง”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า การส่งกลับชาวอุยกูร์ จึงเป็นการกระทำที่เตรียมการไว้อย่างเลือดเย็นเปรียบเสมือนอาชญากรรมข้ามชาติ เตรียมความพร้อมไว้ยาวนาน เหมือนขบวนการนำพา เอารถราชทัณฑ์ผลักดันกลับจีนเป็นอาชญากรรม Crime againt humantity ชทำผิดกฏหมายต่างๆ เช่นกฏหมายบังคับทรมานและสูญหาย ที่ห้ามส่งกลับไปสู่การประหัตประหาร กฏหมายอาญามาตรา 157 ในการละเว้นปฏิบัตหน้าที่ และหลักการสิทธิมนุษยชนของอาเซียนและกฏหมายจารีตประเพณีในการไม่ส่งกลับ

“จากภาพยนต์เรื่องนี้ โลกหลายใบ ให้นายใหญ่ประเทศเดียว 73วัน ของการหลอกลวง เป็นการแสดงความไร้วุฒิภาวะวทำตัวเหนือผลประโยชน์ประเทศชาติ เป็นการทุจริตเชิงนโยบายต่างประเทศ ละครคุณธรรมที่ว่า 40 ชีวิตกลับไปอยู่ดีมีสุขมีข้อครหาและข้อกังขาของคนทั่วโลก หากไม่มีหลักฐานมายืนยันไม่ต้องไปทำหรือละครคุณธรรม ใช้ไม่ได้”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ด้วยเหตุผลต่างๆ ตนจึงขอสนับสนุนญาติอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างอภิปราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มานั่งฟังการอภิปรายในครั้งนี้ด้วย