สว.สำรอง บุก กกต. จี้พักงาน ‘แสวง บุญมี’ ละเลยหน้าที่ ตรวจสอบล่าช้า ปมฮั้วเลือก สว. ไร้ความสุจริต

สว.สำรอง บุก กกต. จี้พักงาน ‘แสวง บุญมี’ ละเลยหน้าที่ ตรวจสอบล่าช้า ปมฮั้วเลือก สว. ไร้ความสุจริต ปล่อยนำโพยเข้าไปในวันเลือกตั้งระดับประเทศ

วันที่ 19 มี.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กลุ่มสว.ลำดับสำรองกว่า 30 คน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ ถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ กกต.

นายธนวัฒน์ ศรีสุข สว.สำรอง กล่าวว่า วันนี้กลุ่ม สว.สำรอง ได้มายื่นจดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 กรณีที่มีผู้ตรวจการเลือกตั้งได้กล่าวหาว่านายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ในการห้ามไม่ให้นำสมุด สว.3 ที่มีผู้จดโพย หรือใบสั่ง หมายเลขที่มีการเลือกในวันเลือกตั้ง สว.ระดับประเทศ ซึ่งเป็นการเตรียมการทำมาจากผู้สมัครหลายกลุ่มหลายๆ คน ในลักษณะไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือก แต่นายแสวงกลับแจ้งว่า “ถึงแม้รู้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็คิดวางแผนการทำมาแบบนี้แหละ ปล่อยให้เขานำ สว.3 เข้าไปในคูหาเลือกในรอบไขว้ได้”

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ถือว่าเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่อย่างยิ่ง นายแสวงจะต้องปกป้องหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม จึงมีการร้องเรียนและตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเรื่องไม่คืบหน้าถึงแม้ผู้ตรวจการเลือกตั้งจะได้มีการแจ้งต่อนายอิทธิพรโดยตรง เราจึงมองเห็นว่าอาจเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้ง กกต.และเลขาธิการ กกต.ในการปกปิดเรื่องราวต่างๆ โดยไม่มีการตรวจสอบให้ชัดเจน จึงขอให้นายแสวงมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ฉบับที่ 2 เราได้ร้องขอให้มีการรวมสำนวนการสืบสวนไต่สวนที่เกี่ยวข้องกับการร้องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภาโดยใช้โพยหรือใบสั่งที่ไม่สุจริตที่อาจมีหลายสำนวนเป็นสำนวนเดียวกัน และมีการแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่สืบสวนไต่สวนเป็นชุดเดียวกันมีผู้ชำนาญการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันป้องกันแลปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อที่จะได้พิจารณาเรื่องราวต่างๆ ในการฮั้วหรือจัดทำโพย (ใบสั่ง) การเลือก สว.ที่ไม่สุจริตเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สามารถพิจารณาข้อเท็จจริงได้อย่างครอบคลุม

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอให้นำพยานหลักฐานต่างๆ ที่ดีเอสไอ ได้มีการสืบสวนและรวบรวมไว้แล้วเป็นจำนวนมากมาประกอบในสำนวน กับพยานหลักฐานที่สำนักงาน กกต.ได้มีไว้ส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นมาร่วม ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือศรัทธาให้กับสาธารณชนและสังคมได้

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องขอให้มีการเปิดหีบบัตรเลือกสว. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 ในรอบประเทศ ซึ่งเก็บไว้จำนวน 40 กล่อง อันเป็นวัตถุพยานสำคัญรายการหนึ่ง มายืนยันว่ามีการลงคะแนนตามใบสั่งให้เกิดพยานหลักฐานในเชิงประจักษ์เพื่อให้สังคมได้เห็น และตัดสินร่วมกันว่าเป็นไปด้วยความสุขเที่ยงธรรมหรือไม่ประการใด

ด้านพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า จุดประสงค์จริงของกลุ่ม สว. สำรองที่มาในวันนี้ คือเราต้องการคำตอบว่าทาง กกต.ได้ดำเนินการกับนายแสวงแล้วหรือไม่ เพราะความล่าช้าในการตรวจสอบอยู่ที่นายแสวง และควรที่จะพิจารณาตัวเองว่าเป็นปัญหาของ กกต. และ กกต. ทั้งหมดที่เป็นผู้บังคับบัญชาปกครองดูแลนายแสวงอยู่ ควรที่จะต้องทบทวนว่าควรที่จะให้นายแสวงขับเคลื่อนองค์กรนี้ต่อไปหรือไม่

เมื่อถามว่าหลังจากนี้หากไม่มีการดำเนินการหรือความคืบหน้าจะทำอย่างไร พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เราได้มีการวางมาตรการไว้อยู่แล้ว โดยกลุ่ม สว.สำรอง มีความเห็นว่า นายแสวงมีพฤติการณ์นอกจากจะผิดในเรื่องของคดีวินัยแล้ว ยังเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 มาตรา 32 โดยช่วงบ่ายของวันนี้จะไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

เมื่อถามว่าหากให้นายแสวงพักการปฏิบัติหน้าที่ จะทำให้การทำงานในการตรวจสอบมีปัญหาหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา รองเลขาธิการ กกต.ทุกคนเมื่อได้รับมอบหมายก็จะมีอำนาจเต็มที่เหมือนกัน หากมีการประกาศหยุดการปฏิบัติหน้าที่นายแสวงไป และทาง กกต.ลงความเห็นว่าให้มีคณะกรรมการบุคคลหนึ่งรักษาการเลขาธิการ กกต.แทน

เมื่อถามว่ากรณีที่ กกต.แต่งตั้งดีเอสไอร่วมเป็นกรรมการสืบสวนคดีฮั้วเลือก สว. พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณทางกกต. ที่มีการรวมสำนวนการสอบสวนเข้าไป เพราะการฮั้วเลือก สว. เกิดขึ้นในหลายพื้นที่และสัมพันธ์กันไปหมด หากใช้วิธีเดิมของกกต.ก็จะทำให้พยานหลักฐานไม่เชื่อมกันและนำไปสู่การยกคำร้องได้โดยง่าย เพราะตามจริงสิ่งที่เราได้ขอไปคือให้มีการตั้งพนักงานสืบสวนไต่สวนที่เป็นทั้งของกกต.ในส่วนของการเป็นเจ้าภาพการตรวจสอบ และทางดีเอสไอเป็นในส่วนของตำรวจ

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวต่อว่า ย้ำว่าหลังจากนี้ไม่ควรที่จะใช้เวลาการตรวจสอบมาก โดยในส่วนของกกต.และดีเอสไอ หากตั้งใจในการตรวจสอบจริง ระยะเวลาในการตรวจสอบน่าจะประมาณ 2-3 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ