เผยแพร่ |
---|
เพื่อไทย เปิดเสวนา แก้ค่าโดยสารแพง “ชนินทร์” มั่นใจ ตั๋วร่วมรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำเร็จในรัฐบาลนี้ หวังลดค่าครองชีพคนที่กำลังตั้งตัว
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2568 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนา เรื่อง “เสียงสะท้อนผู้บริโภคกับการขนส่งสาธารณะและบัตรโดยสารร่วม” เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคที่ใช้ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสภาองค์กรของผู้บริโภค รวมทั้งนายวิพุธ ศรีวะอุไร สก.บางรัก พรรคเพื่อไทย ร่วมเสวนา
นายชนินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นพื้นที่ที่มีต้นทุนค่าเดินทางในขนส่งสาธารณะสูงมาก ทําให้ประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึงบริการเหล่านี้ หรือหากกลุ่มที่มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมา ก็จะเลือกที่จะผ่อนรถยนต์ส่วนตัวของตัวเองแทน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น ปัญหารถติด มลพิษทางอากาศ ซึ่งในประเทศที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงขนส่งสาธารณะได้ จะมุ่งหวังให้ค่าใช้จ่ายทางการเดินทางไม่เกิน 10% ของรายได้เท่านั้น
ทั้งนี้ ปัญหาของขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ สามารถแยกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายสูง 2.ปัญหาเรื่องความไม่สะดวกสบายของการเชื่อมต่อระหว่างระบบ 3.ปัญหาเรื่องการบูรณาการข้อมูลของรัฐที่ขาดฐานข้อมูลกลางในการออกมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุด เพราะระบบรับ-ส่ง-จัดเก็บข้อมูลไม่ได้เชื่อมต่อกัน
นายชนินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีนโยบายหลักในการลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ให้คนทำงานสามารถตั้งตัวได้เร็วขึ้นผ่านหลากหลายนโยบาย เพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของคนเมือง
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายตั๋วร่วม รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หรือบ้านเพื่อคนไทยที่จะต้องทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ เพื่อช่วยให้ผู้เริ่มเข้าสู่วัยทำงานมีภาระในการครองชีพที่ลดลง มีเงินเหลือเงินเก็บสำหรับตั้งตัวในอนาคตที่มากขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมการกระจายตัวของเมืองออกไปรอบนอก ลดการแออัดกระจุกตัวของคนและรถในพื้นที่กลางเมืองด้วย
ด้านนายวิพุธ กล่าวว่า ปัจจุบัน กทม.รับหน้าที่กำกับดูแลขนส่ง 3 รูปแบบ ได้แก่ รถไฟฟ้า รถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit: BRT) และ BMA Feeder ซึ่งได้เตรียมการยกระดับในหลายๆ ด้านเพื่อเตรียมพร้อมรองรับนโยบายตั๋วร่วม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้บริการขนส่งมวลชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเพิ่มขึ้น สามารถเดินทางสัญจรในขนส่งมวลชนประเภทต่างๆ ได้อย่างหลากหลายเพิ่มขึ้น
และหากนโยบายตั๋วร่วมสำเร็จ จะช่วยให้เกิดการบูรณาการกันของระบบตั๋วโดยสารขนส่งสาธารณะทั้งระบบ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในการชำระค่าโดยสาร และรับบริการโดยใช้บัตรใบเดียว รวมถึงภาครัฐที่จะสามารถเก็บข้อมูลรวบรวมข้อมูลการใช้งานขนส่งทั้งระบบเพื่อการวางแผนพัฒนาต่อไปได้เพิ่มเติม มั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับพี่น้องในกทม.และปริมณฑลอย่างแน่นอน