เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.ภูเรือ จ.เลย ของบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็น 1 ในกรรมการบริหารว่า กรณีนี้มี 2 ส่วน คือ 1.ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากการตรวจสอบพบว่าที่มีการครอบครองผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 6,215 ไร่ ซึ่งเมื่อมีการแจ้งความผู้ที่ถูกเอาผิดทางอาญาจริงๆ คือ พี่สาวของนายเปรมชัย แต่นายเปรมชัยไม่ถูกดำเนินคดีอาญาเพราะไม่ได้ลงนามในเอกสาร แต่ในส่วนของคดีแพ่งนั้น ภาครัฐสามารถเอาผิดเรียกค่าเสียหายเป็นเงินและเสนอเรื่องให้ ปปง.เอาผิดโดยยึดทรัพย์ได้ เพราะที่ดินดังกล่าวอยู่ในโซนป่าต้นน้ำ 1 และ 2 ที่ห้ามถือครองเพื่อทำธุรกิจ แต่พบว่าบริษัทดังกล่าวถือครองที่ดินและทำธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ ขณะนี้ กรมป่าไม้อยู่ระหว่างประมวลผลของการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวเสนอไปยัง ปปง.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เอาผิดต่อไป นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ยังมีที่ดินครอบครองเป็นโฉนดอีกกว่า 600 ไร่ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไปว่าใช้ประโยชน์ด้านใด และได้มาโดยมิชอบหรือไม่
นายชีวะภาพ กล่าวต่อไปว่า 2.ส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายเปรมชัย ตรวจสอบพบว่านายเปรมชัยมีชื่อถือครองโฉนดไม่ต่ำกว่า 5 แปลง ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน รวมประมาณ 500 กว่าไร่ ดังนั้น ต้องตรวจสอบด้วยว่าได้มาอย่างไร ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกป่าท้องที่ อ.ภูเรือ ซึ่งประกอบด้วย 5 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กรมที่ดิน และกรมป่าไม้ อยู่ระหว่างดำเนินการ
“ล่าสุดในส่วนของกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ อยู่ระหว่างลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและเร่งรัดผลคดีบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินของบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เพื่อให้คดีสัมฤทธิผลที่สุด โดยมีผมเป็นประธานด้วย” นายชีวะภาพ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าคดียิงเสือดำครั้งนี้ ทำให้ประชาชนตื่นตัว มีการส่งข้อมูลให้ตรวจสอบกรณีนายทุนถือครองที่ดินจำนวนมาก เช่น เขาสอยดาว จ.จันทบุรี ท่าจอดเรือยอชต์ อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า จ.ภูเก็ต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการคัดกรองข้อมูลอีกครั้ง โดยล่าสุด ทราบจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่าในส่วนของท่าจอดเรือยอชต์นั้น มีเอกสารสิทธิถือครองที่ดินถูกต้อง