‘ทิชา’ ยื่น 8 หมื่นชื่อ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ให้ ‘บิ๊กป้อม’ ลาออก กร้าว! อ้างยืมเพื่อนได้ ก็ไม่ต้องมี ปปช.

“ทิชา” ยื่น 8 หมื่นรายชื่อ จี้ “บิ๊กตู่” ให้ “บิ๊กป้อม” แสดงสปิริตลาออก ลั่น! ถ้ารัฐบาลมองเป็นแค่เสียงนกเสียงกา เท่ากับเค้าลางหายนะของรัฐบาลเช่นกัน พร้อมกร้าว ถ้ายืมเพื่อนแล้วไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินถือเป็นบรรทัดฐาน ประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องมี ป.ป.ช.

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยื่นรายชื่อที่รวบรวมผ่านทางเว็บไซต์ Change.org จำนวน 80,018 ชื่อถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให ้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกตรวจสอบความมีอยู่จริงของนาฬิกาหรูจำนวนกว่า 20 เรือน ราคากว่า 30 ล้านบาท แต่ไม่ได้ยื่นแสดงไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม

นางทิชากล่าวว่า ขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี 3 ข้อคือ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเป็นการแสดงการตัดสินใจที่กล้าหาญทางจริยธรรม และทำตามสัจวาจาที่ พล.อ.ประวิตรเคยกล่าวต่อสาธารณะไว้เมื่อวันที่ 31 มกราคมว่า ถ้าประชาชนไม่ต้องการก็พร้อมลาออกจากตำแหน่ง

“หลังจากกรณีนาฬิกาหรูหลายเรือนราคากว่า 30 ล้านบาท แต่ พล.อ.ประวิตรกลับอ้างว่ายืมเพื่อนมาหรือวนกันใส่ เราในฐานะประชาชนไม่สามารถเข้าใจและไม่อาจพอใจในคำตอบนั้นได้ ถือว่าเป็นคำตอบที่ไม่แคร์ ไม่เคารพต่อเสียงของประชาชน ในฐานะผู้นำระดับสูงของประเทศ การทำเช่นนี้ทำให้เห็นว่ากฎหมายประเทศไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ จึงคิดว่า พล.อ.ประวิตรหมดความชอบธรรมแล้ว หากไปดูผู้นำในหลายๆ ประเทศ เขาตัดสินใจลาออกด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นการแสดงสปิริต และวางบรรทัดฐานให้คนรุ่นหลังว่า เมื่อเราเป็นผู้นำ เพียงแค่เอ่ยวาจาที่ผิดพลาด แสดงออกไม่เหมาะสม เราต้องแสดงความรับผิดชอบ จึงอยากให้พล.อ.ประวิตรกลับไปดูประเทศอื่นเขาบ้าง” นางทิชากล่าว

นางทิชากล่าวต่อไปถึงข้อเรียกร้องข้อที่ 2 ที่ฝากถึง ป.ป.ช.ว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรตรวจสอบการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง แต่ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังตีความโน้มเอียง ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่า ป.ป.ช.เป็นเสมือนผงฟอกขาวให้ พล.อ.ประวิตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถให้ความไว้วางใจได้ว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคำพูดของ ป.ป.ช.ที่ระบุว่า หากเป็นนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมาก็ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ เพราะถือเป็นคำพูดที่จะเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น หมิ่นเหม่ต่อการทำลายบรรทัดฐานและเจตนารมณ์ขององค์กรอย่างยิ่ง

“การออกมาครั้งนี้ของประชาชนเป็นสัญญาณที่บอก ป.ป.ช.ว่า อย่ามาทำไร้เดียงสาต่อเครื่องมือที่ดีที่สุดที่รัฐธรรมนูญ 2540 ได้ออกแบบไว้ให้ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ มีกติกาที่จัดการกับข้าราชการระดับสูงและนักการเมือง จึงไม่เข้าใจว่า วันนี้ ป.ป.ช.จะมาทำให้มาตรฐานนั้นต่ำลงไปทำไม เพราะถ้า ป.ป.ช.ทำเช่นนี้ คงไม่มีเหตุผลใดที่ประเทศไทยจะต้องมี ป.ป.ช. เพราะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก และใช้ความหวังของคนไทยที่หวังให้ ป.ป.ช.เป็นฝ่ายถ่วงดุลอำนาจที่ประชาชนไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้น ถ้ายังใช้คำว่ายืมเพื่อนมาแล้วไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นบรรทัดฐาน ก็ไม่จำเป็นต้องมี ป.ป.ช.” นางทิชากล่าว

นางทิชาระบุถึงข้อเรียกร้องที่ 3 ว่า ขอยืนยันคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ระบุในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นว่า คนไทยจะไม่ทนต่อการโกง ซึ่งถ้าคำพูดนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ แสดงว่าผู้นำของไทยไว้วางใจไม่ได้สักคน เพราะหลังจากที่นายกรัฐมนตรีกล่าวแล้ว แต่กลับมาขอให้คนไทยลดราวาศอกต่อกรณีของ พล.อ.ประวิตรลงบ้าง ทั้งนี้ ตนต้องการเห็นนักการเมือง ข้าราชการทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เห็นแก่พวกพ้อง และพร้อมที่จะกล่าวขอโทษประชาชน แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

นางทิชาตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีเพจออกมาแสดงการสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ต่อว่า ถือเป็นสิทธิที่พลเมืองสามารถทำได้ แต่ถ้าวิเคราะห์จากหนึ่งแสนรายชื่อในเพจนั้น จะเห็นว่ารายชื่อเหล่านั้นถูกจัดตั้งมาด้วยกระบวนการใดบ้าง แต่สำหรับพวกตน เป็นเสียงที่บริสุทธิ์ สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีประโยชน์แอบแฝง แต่รู้สึกร้อนหนาวกับผู้นำประเทศที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่โปร่งใส ดังนั้น สังคมไทยก็ต้องวินิจฉัยเรื่องนี้ด้วยความจริงใจและจริงจัง

เมื่อถามว่า หากยื่นรายชื่อไปในวันนี้แล้วไม่มีท่าทีใดๆ กลับมาจากนายกรัฐมนตรีหรือ พล.อ.ประวิตร จะดำเนินการต่อไปอย่างไร นางทิชากล่าวว่า หากรัฐบาลเหลิงอำนาจตัวเอง คิดว่าอำนาจรัฐที่มีอยู่ไม่มีใครมาทำอะไรได้ เสียงของประชาชนกว่า 8 หมื่นรายชื่อนี้ก็อาจเป็นแค่เสียงนกเสียงกา ไม่มีความหมายต่อรัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลทำเช่นนั้น แสดงว่าเค้าลางแห่งความหายนะของรัฐบาลก็มาด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่เคยบอกว่า หากรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชนแล้วรัฐบาลจะเข้มแข็งต่อไปได้

“ขณะนี้เราเห็นกันอยู่ว่าความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเริ่มน้อยลง ถ้ารัฐบาลยังทระนงในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ แสดงว่ารัฐบาลและที่ปรึกษารัฐบาลอาจประเมินสถานการณ์ผิดพลาดได้ ถ้าคุณประวิตรรักรัฐบาลนี้ และเป็นพี่ที่ดี เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่รักน้องจริง ควรจะลาออกเสียก่อน ก่อนที่คุณประวิตรจะกลายเป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลนี้เสียหายยิ่งกว่าเดิม” นางทิชากล่าว