‘จุลพันธ์’ เผยคลังเดินหน้า 5 มาตรการดันจีดีพีโต 3.5% เตรียมผ่อนเงื่อนไขเงินหมื่นเฟส 3 ปิดช่องใช้หนี้-ออมเงิน

‘จุลพันธ์’ เผยคลังเดินหน้า 5 มาตรการดันจีดีพีโต 3.5% เตรียมผ่อนเงื่อนไขเงินหมื่นเฟส 3 ปิดช่องใช้หนี้-ออมเงิน เปิดลงทะเบียนนอนสมาร์ทโฟนแน่ คาดได้เงินใกล้เคียง เฟส 3

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการโอนเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟสที่ 3 มีความชัดเจนแล้วว่าจะโอนเงินในไตรมาส 2 ปีนี้แน่นอน ซึ่งทุกฝ่ายในที่ประชุมอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้แสดงความพร้อม ให้ความมั่นใจ ในเรื่องระบบล็อกเชน ด้านสถาบันการเงิน และธนาคารที่จะมาเชื่อมระบบก็มห้ความสนใจอย่างมาก และให้ความร่วมมือในการเชื่อมระบบ โดยธนาคารใหญ่มากันครบ

นายจุลพันธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบอื่นๆด้วย อาทิ ภาคการเกษตร ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคคมนาคม ภาคการลงทุน ซึ่งรวมแล้วมี 20 โครงการที่รัฐบาลเดินหน้าอยู่ และยังมีอีก 10 โครงการใหม่ ทั้งนี้ ไม่รวมโครงการเงิน 1 หมื่นบาท

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ กระทรวงการคลังคาดการณ์ที่ 2.5-3.5% ค่ากลาง 3.0% เชื่อว่าประเทศเดินหน้าไปได้ แต่คลังก็ยังมีมาตรการเพิ่มเติมอีก 5 ข้อ ที่จะช่วยผลักดันให้จีดีพีไทยปี 2568 เติบโตถึง 3.5% ได้แก่ 1.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน 2.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย โครงการโอนเงิน 1 หมื่นบาท เฟส3

3.เร่งรัดการลงทุนโครงการบ้านเพื่อคนไทย 4.กระตุ้นการท่องเที่ยว และ การเร่งรัดโครงการการลงทุนของภาคเอกชนหลังได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว หากสามารถทำได้หมดทั้ง 5 ข้อ ก็เชื่อมั่นว่าจีดีพีไทยปี 2568 จะโตสูงกว่า 3% จนไปถึง 3.5%

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมผ่อนปรนเงื่อนไขการใช้จ่ายในโครงการจ่ายเงินดิจิทัลเฟสที่สาม เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ง่ายขึ้น โดยการจ่ายเงินเฟสสามจะมีเม็ดเงินราว 1.5 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการประเมินว่า ด้วยกลไกการจ่ายเงินที่จะมีความผ่อนปรนนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.37% และหากว่า มีการใช้จ่ายทั้ง 100% จะเพิ่มจีดีพีได้อีกไม่ต่ำกว่า 0.1%

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับโครงการโอนเงิน 1 หมื่นบาทนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้วสองเฟส โดยเฟสแรกเป็นการจ่ายเงินสดให้แก่กลุ่มเปราะบางและพิการจำนวน 1.45 แสนล้านบาท ต่อมาในเฟสสองจ่ายเงินให้แก่ผู้สูงอายุอีก 3 หมื่นล้านบาท กระทรวงการคลังได้ทำการประเมินผลการใช้จ่ายเงินในโครงการนี้ ซึ่งพบว่า 90% นำไปใช้จ่าย ส่วนที่เหลืออีก 10% นำไปใช้เพื่อชำระหนี้และเก็บออม อย่างไรก็ดี ในการใช้จ่ายถึง 90% นี้ ถือเป็นผลสำเร็จของโครงการที่ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ

 

อย่างไรก็ดี รายละเอียดของโครงการโอนเงิน 1 หมื่นบาทเฟส3 รวมไปถึงการเปิดลงทะเบียนรับเงิน 1 หมื่นบาทของกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน (นอนสมาร์โฟน) จะต้องรอให้คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบก่อน ซึ่งคาดว่า น.ส.แพทองธาร จะนัดประชุมช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

“ยืนยันว่า เงิน 1 หมื่นบาทในเฟสที่ 3 จะได้รับเป็นเงินดิจิทัล ใช้จ่ายผ่านวอลเล็ต ส่วนกลุ่มนอนสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ได้รวมอยู่กับกลุ่มเฟสที่ 3 เพราะไทม์ไลน์นั้นเหลื่อมกันอยู่ แต่อาจจะทำการโอนเงินให้ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน” นายจุลพันธ์กล่าว

ส่วนกรณีวงเงินโครงการโอน 1 หมื่นบาท จะใช้แค่ 1.5 แสนล้าน หรือรัฐบาลจะมีการเพิ่มงบประมาณอีกหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าว่า ขอให้รอฟังมติของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจดีกว่า