สนช.มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบกฎหมายให้กลับเข้าระบบประกันตน

สนช.มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบกฎหมายให้กลับเข้าระบบประกันตน เสนอ รัฐบาลต้องแก้กม.ให้รอบด้านระยะยาว

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การกลับเป็นผู้ประกันตน ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสนช.เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 193 คะแนนเห็นชอบให้ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้บุคคลที่ไม่ได้ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกันหรือส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือนภายในระยะเวลา 12 เดือน อันเป็นเหตุให้ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนประกันสังคมและไม่อาจกลับเป็นผู้ประกันตนได้อีก สามารถขอกลับเข้ามาเป็นผู้ประกันตนได้

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การกลับเป็นผู้ประกันตน มีข้อสังเกตที่ แม้การกำหนดให้มีกฎหมายการกลับเป็นผู้ประกันตนนั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะลดภาระของภาครัฐในด้านการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเพื่อดูแลชีวิตและสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และส่งผลให้การประกันสังคมเป็นไปอย่างเป็นธรรม ทำให้ผู้กลับมาเป็นผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่การคืนสิทธิให้กลับมาเป็นผู้ประกันตนเช่นนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะหากมีผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพอันเนื่องมาจากเหตุดังกล่าวอีก จะต้องมีการเสนอร่างพ.ร.บ.เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องใช้งบประมาณและระยะเวลาในการแก้ไขกฎหมายเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาผู้ประกันตนเป็นไปอย่างมีระบบและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ควรแก้ไขปรับปรุงพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ในเรื่องที่กำหนดให้ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงเนื่องจากไม่ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือ ภายในระยะเวลา 12 เดือนส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือน (ขาดส่งเงินสมทบรวม 3 เดือน) เนื่องจากผู้ประกันตนเป็นผู้ที่ว่างงาน และการไม่ส่งเงินสมทบอาจมาจากสาเหตุการนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหรือที่บ้านเป็นเวลานาน หรือ การไม่ได้นำส่งเงินสมทบเกิดจากปัจจัยอื่นโดยที่ผู้ประกันสังคมไม่ทราบเพราะไม่มีการแจ้งเตือน โดยควรแก้ไขให้มีมาตรการผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกันตนที่ประสบปัญหาเหล่านี้เป็นการเฉพาะรายได้ด้วย