“เอกนัฏ” เผยเป็น รมต.ที่มีค่าหัว 300ล้าน! เพื่อให้ย้าย ลั่นไม่กลัวทำหน้าที่รักษาเพื่อส่วนรวม

“เอกนัฏ” แจงไม่ได้เลือกปฏิบัติ ปมปิดโรงงานน้ำตาลอุดร ทำชาวไร่อ้อยเดือดร้อน ยันเพื่อแก้ปัญหา pm2.5 โว การเผาอ้อยลดลงเหลือ 11 % เตรียมออกแบบเพิ่มมูลค่าใบอ้อยผิตไฟฟ้า เป็นแรงจูงใจลดการเผา แฉเป็น รมต.ที่มีค่าหัว 200-300ล้าน จ้องย้าย ลั่นไม่กลัวทำหน้าที่รักษาเพื่อส่วนรวม

เมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 23 มกราคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร้อ้อย ที่ถูกอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี เนื่องจากโรงงานฝ่าฝืนรับซื้ออ้อยที่ถูกเผา ซึ่งภายหลังจากสั่งปิดโรงงาน ทำให้ชาวไร่อ้อยเดือดร้อนอย่างมาก แม้จะมีการผ่อนคลายอ้อยที่ถูกเผาทยอยเข้าโรงงานแล้ว แต่ชาวไร่อ้อยที่ยังเดือดร้อนอยู่ เพราะการสั่งปิดโรงงานทำให้ทั้งอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ไม่สามารถนำเข้าโรงงานได้ ทำให้เกิดความเสียหาย เพราะปกติอ้อยจะเข้าหีบไม่ต่ำกว่าวันละ 3 หมื่นตัน รายได้ประมาณ 50 กว่าล้านบาทต่อวัน ถ้าคิดเป็นตันต้นละ 1,400 บาท

การปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรฯ ทั้งที่ยังมีอ้อยเหลืออยู่ แต่การแก้ปัญหาในจังหวัดก็มี ไม่ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทราบหรือไม่ว่า อุตสาหกรรมจ.อุดรฯ เป็นผู้ออกคำสั่งปิดอย่างกระทันหันโดยพลการมีการกล่าวกันว่ากระทรวงอุตสาหกรรมการเลือกปฏิบัติ เพราะข้าราชการเป็นผู้ลงนามปิดโรงงาน จึงอยากทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งด้วยวาจา หรือสั่งปลัดกระทรวง แล้วปลัดสั่งอีกที ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยออกคำสั่งตามอำเภอใจ ลุแก่อำนาจ เป็นการเลือกปฏิบัติหน้าที่ไม่

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า การปิดโรงงานไทยอุดรฯ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่จะช่วยกันลดฝุ่น pm2.5 ซึ่งเป็นปัญหาหลักระดับประเทศ ซึ่งการลดฝุ่น pm 2.5 ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพรรคการเมือง หรือรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งในส่วนของอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดเดียวที่อยู่ในกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อ้อยและน้ำตาลทราย และวันนี้ตัวเลขการเผาอ้อยต่ำที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ เราตั้งเกณฑ์ ​25 เปอร์เซนต์ เมื่อวาน (22 ม.ค.) เหลือเพียงกว่า 11 เปอร์เซนต์เท่านั้น เพราะเกิดจากการที่เราช่วยกัน จากที่ผ่านมา 5-6 ปีที่แล้วเผาอ้อยกัน 50-60 เปอร์เซนต์ และปีที่แล้วเหลือ 30 เปอร์เซนต์ พวกเราทั้งโรงงานน้ำตาล และเกษตรกรจะได้พูดอย่างภูมิใจว่า ปัญหาฝุ่นpm2.5 ไม่ได้เกิดมาจากการเผาอ้อย อย่างไรก็ตาม บางทีการตัดสินใจไม่ได้ตัดสินใจได้ง่ายแต่เราต้องช่วยกันและการที่จะแก้ปัญหาบางทีก็มีต้นทุนที่ต้องจ่าย

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า เรื่องการลดการเผาอ้อยไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญเราได้สื่อสารและประกาศทุกปีขอความร่วมมือลดการเผาไม่ให้เกินวันละ 25 เปอร์เซนต์และขอให้โรงงานไม่รับอ้อยเอาเกินวันละ 25 เปอร์เซนต์ และการเผาทุกวันนี้เป็นการลักลอบเผา ซึ่งผิดกฎหมายสิ่งแวดลอม แต่ตนก็เข้าใจว่าการเผาไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ซึ่งทั้งหมดในการแก้ปัญหา ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่เรากำลังออกแบบระบบใหม่ที่ใช้มูลค่าทางการเกษตรเป็นแรงจูงใจ ส่งเสริมให้เกษตกรไปตัดใบอ้อย ส่งโรงงาน เพื่อผลิตไฟฟ้าขาย ถ้าระบบนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ ตนมั่นใจว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครเผาใบอ้อย ถ้าใครมาลักลอบเผา หรือเกิดเหตุขึ้นก็ต้องช่วยกันไม่ให้เผา เพราะใบอ้อยมีมูลค่า นำไปผลิตไฟฟ้าต่อไป โดยไม่ต้องเสียเงินชดเชยเกือบหมื่นล้านบาทไปชดเชยอ้อยลดตันละ 120 บาท ซึ่งการช่วยเหลือทั้งอ้อนสดและตัวใบ ตนได้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปตั้งแต่ พ.ย.67 แล้ว แต่ครม.ยังไม่มีมติ

“ผมยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน และตั้งแต่ผมทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรม ไม่ใช่นั่งเฉยๆในห้องแอร์ แต่ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและจัดระบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ปัญหากากอุตสาหกรรม สินค้าด้อยคุณภาพนำเข้าประเทศ ผมสั่งปิดและจับ ดำเนินคดีเด็ดขาด ทั้งนี้มีวางค่าตัวไว้ว่า มีเงิน 200-300 ล้านบาท เพื่อย้ายรัฐมนตรี ผมไม่กลัวเพราะผมมีหน้าที่ที่ต้องการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม”นายเอกนัฏ กล่าว

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า ในส่วนของรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี ตั้งแต่เราได้ออกคำสั่งไป และมีการพูดคุย ตนต้องพูดตรงไปตรงมาว่าโรงงานให้ความร่วมมือดี ปัจจุบันรับอ้อยสด 100 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ แต่ก่อนวันที่อุตสาหกรรมจังหวัด เข้าไปตรวจโรงงาน ก็ต้องพูดตรงไปตรงมาว่าโรงงานไทยอุดรฯ รับอ้อยเผาปริมาณสูงสุดดของประเทศประมาณ 4 แสนตัน 40 กว่าเปอร์เซนต์ ส่วนโรงงานอื่นๆก็มีการรับอ้อยเผาก่อน 25 เปอร์เซนต์ จากที่เราสื่อสารไปก็มีการกดตัวเลขต่อวันลดลงหมด และการที่อุตสาหกรรมจังหวัด สั่งปิดโรงงานเพื่อลดการปล่อย pm 2.5 เจตนาไม่ให้กระทบกับชีวิตหรือรายได้ของเกษตรกร

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการในปีนี้ชัดเจนตั้งแต่ ต.ค.67ได้แจ้งในการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ขอความร่วมมือโรงงานและเกษตรกรงดการเผาไม่เกินวันละ 25% และให้โรงงานรับซื้ออ้อยเผาเกิน 25% ทั้งนี้มีมติ ครม.​ที่ส่งมาถึงตน ขอให้กระทรวงเพิ่มมาตรการงดรับอ้อยเผาโดยสิ้นเชิง ซึ่งปัญหาการไม่รับซื้ออ้อยเผาที่จ.อุดรธานี ตนได้ช่วยแก้ปัญหาและทราบว่ามีการเคลียร์อ้อยที่ค้างการรับซื้อทั้งหมดแล้ว ส่วนที่พบว่ามีอ้อยเน่านั้นจะมีมาตรการเยียวยาต่อไป