วีระยุทธ ยกข้อคิด แนะวิธีดีลกับทรัมป์ “ต้องกระชับ มีอารมณ์ขัน แต่ยืนหยัดทรนง”

เมื่อวันที่ 21 มกราคม วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชนโพสต์ข้อความ แสดงความเห็นกรณีการเข้ารับการดำรงตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2

โดย วีระยุทธ เสนอว่า การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของทรัมป์ ว่ารัฐบาลจะต้องเจรจากับสหรัฐฯ ด้วยท่าทีของเสนอที่กระชับ มีอารมณ์ขัน แต่ยืนหยัดทรนง โดย ระบุว่า

วิธีดีลกับทรัมป์: กระชับ มีอารมณ์ขัน ยืนหยัดทรนง Be brisk, swap banter, never look weak

ในสัปดาห์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประเทศตะวันตกดูจะตื่นตระหนกมากกว่าฝั่งเอเชียเราเสียอีก

นักการเมือง นักการทูต นักวิชาการ ฯลฯ ที่เคยดีลกับประธานาธิบดีทรัมป์ในสมัยแรก (2017-2021) ต่างออกมาแชร์ประสบการณ์กันจำนวนมาก

ในบรรดาคำแนะนำทั้งหลาย ผมชอบของ Kim Darroch อดีตเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหรัฐฯ ในยุค Trump 1.0 มากที่สุด

Darroch เขียนแนะนำนายกรัฐมนตรีและนักการทูตของอังกฤษไว้ แต่ผมคิดว่าสามารถมาประยุกต์ใช้กับไทยได้เช่นกัน

เขาแนะนำว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เกลียดบทสนทนายืดยาว ถ้าคุณเริ่มพูดอะไรยืดเยื้อเมื่อไหร่ ทรัมป์จะแทรกตัดบทหรือไม่ก็เบือนหน้าหนีทันที แล้วอำนาจต่อรองของคุณก็จะหายไปทันควัน

คำแนะนำในการเจรจากับทรัมป์คือ

Be brisk, swap banter, and never look weak

ผมชอบคำว่า Brisk เป็นพิเศษ คำนี้แปลว่า quick, energetic and practical

คือต้องพูดให้กระชับ มีพลัง แต่ตรงประเด็น เอาไปทำต่อได้เลย เช่น พูดถึงสินค้าอะไร ภาษีเท่าไร

Swap banter เป็นสไตล์ทูตอังกฤษ คือใช้อารมณ์ขันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร เช่นการปล่อยมุกตลกเรื่องสภาพอากาศ แต่ต้องเป็นอารมณ์ขันที่ทั้งสองฝ่ายมีประสบการณ์ร่วมด้วยนะครับ เพื่อจะได้สื่อสารสองทางในเรื่องเบาๆ ก่อน

Never look weak อันนี้ชัดเจน อย่าแสดงความอ่อนแออ่อนข้อออกมาเป็นอันขาด

ตามคำแนะนำของ Darroch การไปบอกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีจะทำร้ายเศรษฐกิจไทยอย่างไร จะไม่มีประโยชน์เลย ต้องโน้มน้าวว่าการขึ้นภาษีจะทำร้ายอเมริกาอย่างไรจึงจะได้ผล

หมายความว่าผู้นำประเทศคู่เจรจาก็ต้องรู้จักข้อมูลประเทศตัวเองและสถานการณ์สหรัฐฯ ดีพอที่จะจับประเด็นมาโต้ได้ทันควัน

อาจไม่ได้ทุกอย่างในการเจรจาหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่ควรกลับมามือเปล่า หรือโอนอ่อนยอมให้เขาฝ่ายเดียว

อย่างน้อยที่สุด ไทยควรยืนหยัดสู้กับ Trump 2.0 ในฐานะประเทศ Middle Power

ขยับไปอีกขั้นคือ เราคุยกับเพื่อนอาเซียนไว้สัก 2-3 ประเทศเพื่อเป็นพันธมิตรยามยากที่สามารถต่อสายช่วยกันได้ทันที

Thailand should stand tall in the Trump 2.0 era.