เผยแพร่ |
---|
‘โรม’ มอง รบ.เร่งรัดดำเนินการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เหตุเปิดช่องทุนจีนเทาเข้ามาฟอกเงิน-สร้างปัญหาทางสังคม-เกิดการคอร์รัปชั่น ชี้ควรมีแนวทางรับมือป้องกันก่อน ขออย่าคิดว่าสวยหรู
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่วานนี้ (13 ม.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ฝ่ายค้านคงจะได้พูดคุยรายละเอียดกันหลังจากนี้ เพราะมีข้อสังเกตว่าการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะทำให้กลุ่มทุนจีนเทาต่างๆ อาทิ บริษัท Yatai ซึ่งเป็นเจ้าของชเวก๊กโก เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยและฟอกเงินผ่านธุรกิจกาสิโน จึงขอตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่าก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการป้องกันแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อรับมือกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เห็นความพยายามของรัฐบาลในการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเลย จึงเป็นกังวลว่าจะเกิดผลกระทบจากปัญหาทุนจีนสีเทาตามมา อีกทั้งโครงสร้างของระบบราชการไทยก็ยังไม่สามารถรับมือได้ ส่งผลให้ทุกวันนี้ประเทศไทยเผชิญกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นบัญชีม้า ซิมม้า ทุนสีเทาที่เข้ามาฟอกเงิน หรือการค้ามนุษย์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน แต่รัฐบาลยังไม่มีแนวทางแก้ไขปัญหาใดๆ หรือมีแนวทางปราบปรามที่เป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย
เมื่อถามถึงเรื่องของความโปร่งใส นายรังสิมันต์กล่าวว่า ถ้าใช้ร่าง พ.ร.บ.เหมือนกับที่เคยมีการรับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชนไปแล้ว ตนมีความเป็นห่วงเรื่องของการคอร์รัปชั่นที่อาจจะเกิดขึ้นและการล็อกสเปก ทั้งการพิจารณาเลือกสถานที่ดำเนินสถานประกอบการว่าใครจะได้ประโยชน์ หรือการเลือกใบอนุญาต เป็นต้น เพราะมีผู้ประกอบการอยู่ไม่กี่รายที่จะมีศักยภาพในการดำเนินการในลักษณะแบบนี้
นายรังสิมันต์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังอาจเกิดผลกระทบทางสังคมด้วย จึงขอถามรัฐบาลว่ามีความมั่นใจว่ามาตรการต่างๆ จะเพียงพอรับมือต่อการแก้ปัญหาได้อย่างไร พร้อมย้ำว่าหากรัฐบาลเร่งรัดในเรื่องนี้ ส่วนตัวคิดว่าอาจเกิดอันตรายต่อประเทศไทย
เมื่อถามว่า เหตุผลที่รัฐบาลบอกว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะช่วยดึงเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าประเทศ มองว่าเพียงพอต่อการเร่งรัดหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเจอปัญหากับการที่เม็ดเงินออกจากธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และยาเสพติด รวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินเข้า เข้าใจว่ารัฐบาลก็หาวิธีพยายามนำเงินเข้ามามากที่สุด แต่จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่
“อย่าลืมว่าไทยยังมีคู่แข่ง เช่น มาเก๊า สิงคโปร์ โอซาก้า รวมทั้งบ่อนตามหัวเมืองต่างๆ ที่จะทำให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมาเล่นกาสิโนที่ไทย ฉะนั้น ขออย่าคิดว่ามันจะสวยหรูและง่ายอย่างที่ว่า อย่างไรก็ตาม หากทำได้ก็ต้องประเมินต่อว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะลงทุน เพราะโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้ไทยไม่มีประสบการณ์ในการควบคุมและรับมือ จึงอาจจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ” นายรังสิมันต์กล่าว