ส.ว.พันธุ์ใหม่ แถลงจุดยืนสนับสนุน ร่าง รธน.ฉบับพรรคประชาชน ลดอำนาจวุฒิสภา

ส.ว.พันธุ์ใหม่ แถลงจุดยืนสนับสนุน ร่าง รธน.ฉบับพรรคประชาชน ลดอำนาจแก้ ส.ว. ด้าน  เทวฤทธิ์มั่นใจแก้ รธน.ทั้งฉบับ เปลี่ยนรูปแบบการปกครองไม่ได้ เหตุมี ม.255 ล็อก ยกที่ผ่านมา แก้หลายครั้ง ก็แตะหมวด 1-2 บอก มีชัย แก้มากที่สุด แปลกใจทำไมไม่จี้ถาม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7มกราคม ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ส.ว. นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดย น.ส.นันทนากล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน ในส่วนของกลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ ได้มีมติร่วมกัน พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างฉบับของพรรคประชาชน ยินดีจะลดอำนาจของ ส.ว.ในการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากฉบับปัจจุบัน ที่ให้ใช้ ส.ว. 1 ใน 3 ซึ่งมองว่า ส.ว.ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง กระบวนการที่ได้มาไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศได้

“เรายินดีจะสละอำนาจที่จะลงมติแก้ไข รธน. เพื่อให้ผู้ที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริงคือ ส.ส.ได้เป็นผู้ลงมติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด“ น.ส.นันทนากล่าว

น.ส.นันทนากล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) สนับสนุนให้มีผู้แทนที่มาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรงคือการเลือกตั้ง 100% เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นเจตจำนงของประชาชน บรรจุอยู่ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ

เมื่อถามว่า ส.ว.พันธุ์ใหม่มีความคิดเห็นต่อเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และ 2 อย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า เราชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีที่มาจากการรัฐประหารเมื่อจุดตั้งต้นไม่ใช่มาจากประชาชน ตัวร่างรัฐธรรมนูญทั้งร่างจึงมีข้อกำหนด บทมาตราต่างๆ ที่บิดเบี้ยว และมีช่องโหว่มากมาย ดังนั้นถ้าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปแก้ไขรูปของรัฐ ระบอบการปกครอง

“แต่ที่แก้ทั้งฉบับเพื่อให้ที่มาของรัฐธรรมนูญมาจากประชาชนอย่างแท้จริง และบทบัญญัติทั้งหมดสอดคล้องกันทั้งฉบับไม่ใช่เป็นการแก้หมวดใดหมวดหนึ่ง แล้วละเว้นหมวดใดหมวดหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วเท่ากับมรดกของเผด็จการยังอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าเราไม่ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ” น.ส.นันทนากล่าว

ด้านนายเทวฤทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่า ประเด็นนี้อาจจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกังวล หรือบางครั้งอาจจะถูกลากไปเป็นเกมการเมือง ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ได้หมายความว่าจะมีการแก้ไขหมวด 1 และ 2 แต่เป็นการย้ำว่าเป็นการสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และที่สำคัญหมวดดังกล่าวก็เคยมีการแก้ไขในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ โดยเป็นการแก้ถ้อยคำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และคนที่แก้มากที่สุดคือนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แปลกใจว่าทำไมไม่ไปถามนายมีชัยกันบ้าง

นายเทวฤทธิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการกำกับไว้ในมาตรา 255 ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปแก้ในรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบของรัฐไม่ได้ ดังนั้น หากใครกังวลเรื่องว่าจะมีการแก้รูปแบบการปกครอง หรือระบอบการปกครองของรัฐ ก็มีมาตรานี้กำกับ อีกทั้งกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญก็ต้องผ่านการทำประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง หมายความว่าหากมีการแก้แล้วกระทบต่อรูปแบบของรัฐ เชื่อว่าหากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยคงโหวตไม่รับ

“ผมเข้าใจเรื่องความแคลงใจหรือกังวลว่าจะมีการไปแตะหมวด 1 และ 2 แต่เรามีกฎหมายล็อกไว้อยู่แล้ว ในร่างของพรรคประชาชนก็ล็อกว่า มาตรา 255 ว่าจะไม่แก้รูปแบบการปกครอง ผมจึงไม่เข้าใจว่าที่กังวลนั้นเขากังวลจริงๆ หรือกังวลเป็นเงื่อนไขทางการเมือง” นายเทวฤทธิ์กล่าว