ตร.หิ้ว “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ฝากขังคดีบุกช่องเอ็นบีที ศาลให้ประกันตัว วงเงิน 3 แสน

วันที่ 13กุมภาพันธ์ 2561 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.ศรายุทธ์ สันทัด พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ได้ควบคุมตัวนาย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 67 ปี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ผู้ต้องหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 -24 กุมภาพันธ์ 2561

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 22-25 สิงหาคม 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ แขวงและเขต ดุสิต กทม. ซึ่งมี พลตรีจำลอง ศรีเมือง กับพวกเป็นแกนนำได้พูดปราศรัยบนเวทีเพื่อขับไล่รัฐบาล ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้พูดกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า “ วันนี้เราจะไป NBT ,กระทรวงการคลัง, กระทรวงคมนาคม ,กระทรวงเกษตรฯ ,กระทรวงพลังงาน…จะไปเพื่อไม่ให้ข้าราชการทำงาน” ซึ่งในเวลาประมาณ 05.00 น.เศษ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่อยู่บริเวณทางเข้า-ออก ด้านหน้ากับบริเวณประตูรั้วด้านหลังของสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT) โดยมีมีด,ปืนพกเป็นอาวุธ โดยเจตนาก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง แล้วบุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในความครอบครองของผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และได้ข่มขืนใจเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย, เจ้าหน้าที่วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือเสรีภาพของเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหยุดทำงาน หยุดการออกอากาศรายการวิทยุและโทรทัศน์ และออกจากอาคารสำนักงานด้วยความกลัว

นอกจากนี้ยังได้ทำลายทรัพย์สินภายในอาคารได้รับความเสียหาย โดยนายสมเกียรติในฐานะหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้สลับกันพูดบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยที่จอดอยู่พูดโจมตีรัฐบาลและสั่งการต่อกลุ่มผู้ชุมนุมว่าต้องยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ให้ได้ และในวันเดียวกันเวลา 08.00น.เศษ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันพังประตูรั้วเหล็กกั้นทางเข้า-ออก ด้านหน้าติดกับถนนวิภาวดี-รังสิต จนพังลงมา จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านนอกจำนวนมากโดยบางคนมีอาวุธได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยมีนางสาวอัญชลี ไพรีรักษ์ ผู้ต้องหาที่ 86 ,นายภูวดล ทรงประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 87,นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ต้องหาที่ 88 ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 89,นายชิติพัทธ์ หรือสนชัย ลิ้มทองกุล ผู้ต้องหาที่ 90 และนายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ต้องหาที่ 91 เป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำดังกล่าวและเป็นหนึ่งในจำนวนของผู้บุกรุกเข้าไปด้วยจากนั้นกลุ่มผู้บุกรุกได้ทุบทำลายประตูกระจกแล้วเข้าไปในอาคารสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยมีนายชิติพัทธ์ หรือสนชัย ลิ้มทองกุล ผู้ต้องหาที่ 90เป็นหัวหน้าสั่งการกลุ่มผู้บุกรุกดังกล่าว โดยบางส่วนเข้าไปในอาคารสถานีวิทยุกระเสียงแห่งประเทศไทยและบางส่วนกระจายอยู่ที่ถนน สนามหญ้าและรอบๆอาคารภายในบริเวณของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยมีนางสาวอัญชลี ไพรีรักษ์ ผู้ต้องหาที่ 86 ,นายภูวดล ทรงประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 87,นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ต้องหาที่88 ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 89 และนายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ต้องหาที่ 91 พูดปราศรัยและสั่งการเป็นระยะๆบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยซึ่งขับเคลื่อนเข้าไปภายในบริเวณของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จนกระทั่งเวลาประมาณ?17.00 น.?ของวันที่26 สิงหาคม2551 จึงได้ถอนตัวกลับออกไป

ผู้กล่าวหา จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่10คน ขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น,ซ่องโจร ,ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป,ร่วมกันตั้งแต่5คนขึ้นไป โดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้นั้นหรือของผู้อื่น,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210,215,309,358 และ 365

อนึ่งผู้ต้องหาที่ 1- 85 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ในชั้นสอบสวนนายสมเกียรติผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่าได้สอบสวนผู้ต้องหาไว้แล้ว โดยผู้ต้องหาขอเสนอพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีภายในกำหนดเวลา 30 วัน ทำให้การสอบสวนไม่เสร็จสิ้น และเป็นกรณีที่ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีเหตุที่จะออกหมายขังผู้ต้องหา ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 วรรคท้าย จึงได้นำตัวผู้ต้องหามาศาลเพื่อขอหมายขัง ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ระหว่างการสอบสวนมีกำหนด 12 วัน

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง ต่อมานายสมเกียรติ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน มูลค่า 1.7 ล้านบาท ขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี ต่อมาเวลา 16.00 น.ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท โดยนายสมเกียรติ ได้เดินทางกลับทันที