เผยแพร่ |
---|
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขา สมช. อธิบายถึง“กลุ่มสวัสดีคนไทย”ที่ตั้งขึ้นมาในยามที่บ้านเมืองกำลังผจญกับปัญหารอบด้่าน และนี่คือส่วนหนึ่งของแนวคิดกลุ่มนี้
เจตนารมณ์ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” คืออะไร ?
: จุดเริ่มต้นเกิดจาก ความสัมพันธ์ส่วนตัว และกิจกรรมปกติ ของ ผม ( พล.ท.ภราดร ) และ ดร.พิศุทธิ์ ที่ได้เคยร่วมรับประทานทานอาหาร ดื่มกาแฟ พบปะ “พูดคิด พูดคุย” กันเป็นประจำในเรื่องราวของ “การบ้าน การเมือง” ในทุกครั้งที่มีโอกาส ภายใต้สถานะภาพของ “ผู้ใหญ่ที่หมดภารกิจงานประจำ” ไปแล้ว แต่ยังมีความห่วงใยในบ้านเมืองและอนาคตของลูกหลาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน และที่ผ่านมาหลายๆปี ที่คนไทย สังคมไทย การเมืองไทย วนเวียนอยู่ภายใต้ การบริหารบ้านเมืองด้วย “บริบทการเมืองแบบเก่าๆ” ที่ไม่เอื้อต่อพัฒนาการและอนาคตของชาติและประชาชน ให้มีความรู้สึกมั่นใจ ว่า อนาคตทั้งของตนเองและลูกหลาน จะมั่นคง ดีงามและยั่งยืน ทั้งนี้ ดร.พิศุทธิ์ เป็นคนคิดดี มีวิสัยทัศน์ มียุทธศาสตร์ ที่คุยกับผมแล้วเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งการพูดคุยกันเพียง 2 คนไปซักระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีคนอยากคุยด้วย จึงเป็นเหตุให้การ
”พูดคิดพูดคุย” เริ่มมีจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมากขึ้น มีความต่างเพศ ต่างวัย และมีประเด็นหลากหลายในแต่ละครั้ง
ในที่สุด ก็เห็นควร ตั้งชื่อกลุ่มนี้ว่า กลุ่ม “สวัสดีคนไทย” จะได้จำได้ง่ายๆ เพราะ คำว่า “สวัสดี” เป็นคำไทยที่ใช้ทักทายกัน ทั้งผู้ที่รู้จักหรือไม่รู้จักกันมาก่อน เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตั้งแต่ต้น และเรียกกิจกรรมสนทนานี้ว่า “พูดคิด พูดคุย” โดยกลุ่ม ”สวัสดีคนไทย”
:วัตถุประสงค์ ของ “กลุ่มสวัสดีคนไทย “ ในกิจกรรม “พูดคิด พูดคุย” คืออะไร ?
คำตอบ : การได้พบปะ “พูดคิด พูดคุย”เรื่อง “การบ้าน การเมือง” ด้วยผู้คนหลากหลาย ต่างเพศ ต่างวัย แต่มีวุฒิภาวะ และสามัญสำนึกที่ดี ต่อบ้านเมือง ในฐานะ “ประชาชนคนธรรมดา” ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ที่ถือว่า
”สิทธิและเสรีภาพ” คือสิ่งที่มีคุณค่าของ ”สังคม ศิวิไลซ์” และเปิดโอกาสให้ประชาชน มีส่วนร่วม อย่างแท้จริง ด้วย “คนใหม่ๆ คิดใหม่ๆ” แบบ “การเมืองภาคประชาชน” ที่ไม่สนใจ “ขั้วข้าง ของการเมืองแบบเก่าๆ ” ที่เอื้อประโยชน์ เฉพาะพวกพ้องและครอบครัว
ซึ่ง “ การเมืองภาคประชาชน” จะทำให้ เกิด “โอกาส” สำหรับ คนธรรมดาๆ คนดี คนเก่ง ที่มีความคิด ความสามารถ แต่อยู่ในมุมมืด เพราะขาดโอกาส แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง และยังมีพลังที่สุจริต ได้เข้ามาช่วยบ้าน ช่วยเมือง ในเวลาที่เกิด “ วิกฤติศรัทธา ในทุกมิติ” แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
: เป้าหมายของ “ กลุ่มสวัสดีคนไทย” คืออะไร ?
คำตอบ : เป้าหมายสำคัญในระยะแรก นี้ คือ การเปิดโอกาส และส่งผ่านความคิดเห็นของกลุ่มและผู้ร่วม “พูดคิด พูดคุย” ในแต่ละครั้ง ทั้งในส่วนของ ความคิดเห็นของกลุ่ม และของรายบุคคล ไปสู่สาธารณะ ซึ่งอาจจะได้รับการนำเสนอ เผยแพร่ จากสื่อมวลชน หรือ ประชาชน กับเอง ในรูปแบบต่างๆและหวังว่า จะเป็นความรู้ ความคิด ความเข้าใจ เกิดเป็น “พลังปัญญา” ให้กับ ผู้คนและสังคมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
เพราะ “ประชาธิปไตยที่ดี” คือ ประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาส ให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โดยสุจริต และ “รัฐบาลที่ดี นักการเมืองที่ดี” ควรมีใจเปิดกว้าง รับฟัง เพราะ
ท่านคือ “ผู้รับใช้ประชาชน” ที่มาจากการเลือกตั้ง
…ประเทศชาติ เป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้นประชาชน ต้องรู้ตัวเองว่า พวกเรา เป็น “เจัาของประเทศตัวจริง” ซึ่งจะทำให้ การคัดเลือกพรรคการเมืองและนักการเมือง ผ่านการเลือกตั้งในแต่ละครั้ง ในแต่ละระดับ ได้ปริมาณและคุณภาพของนักการเมืองที่เป็น คนดี คนเก่ง คนสุจริต คนธรรมดา ที่จริงจังและจริงใจ ต่อ ประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
………
จะเกี่ยวข้อง กับ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” และ กิจกรรม “พูดคิดพูดคุย” ได้อย่างไร ?
คำตอบ :โดยปกติ ที่ทำกันมาเป็นประจำ ผม(พล.ท.ภราดร )และ ดร.พิศุทธิ์ ก็จะนัดกินข้าว ดื่มกาแฟ กัน เดือนละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อยอยู่แล้ว นอกเหนือจากที่คุยกันเกือบทุกวัน ดังนั้น ในแต่ละครั้ง ที่นัดกัน ก็จะคิด ประเด็นการพูดคุย และเชิญผู้สนใจ เข้าร่วมกินขนม กินกาแฟ ด้วยกัน โดยสถานที่นัดก็อาจจะเป็น ร้านกาแฟที่มีห้องประชุม หรือ ที่บ้าน ดร.พิศุทธิ์ ซึ่งมีห้องประชุมและพื้นที่ เหมาะสม เพราะ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ไม่มีงบประมาณจากไหนทั้งสิ้น กินกัน คุยกัน แล้วก็ แบ่งๆกันจ่าย แล้วก็แยกย้ายกลับไป บ้านใครบ้านมัน พวกเราจึง “เท่าๆกัน เสมอๆกัน “ ไม่เลือกรวยจน เพศวัย หรือตำแหน่ง ใดๆ แต่เลือก คนที่มี “ทัศนคติและสามัญสำนึก” ที่ดีต่อการเมืองและบ้านเมือง เป็นหลัก
: อยากฝากอะไร กับผู้ฟัง ผู้ชม และประชาชนไหม ?
คำตอบ : กลุ่ม “สวัสดีคนไทย” อยาก “รับบริจาค ความคิด ความเห็น” ที่แตกต่างหลากหลาย จากทุกเพศ ทุกวัย ที่เห็นว่า การ “พูดคิด พูดคุย” ของ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” มีประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะมาร่วมบริจาคแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกร่วมกันแล้ว ก็ต้องมี Solution หรือแนวคิด แนวทาง นำเสนอด้วย ซึ่งอาจกลายเป็น “กระจกเงา” บานเล็กๆ สะท้อนไปที่รัฐบาลบ้าง ผู้บริหารบ้าง สังคมบ้าง และ บางที การร่วม “พูดคิด พูดคุย” กับประชาชน คนธรรมดา ในบรรยากาศ สบายๆ ชิวๆ แบบนี้ ด้วยกาแฟและขนม คนละ 100- 200 บาท ต่อครั้ง ก็อาจมี “มูลค่าและคุณค่า”มากกว่า การนั่งพูดคุยในสภาหรือในรัฐบาล ของนักการเมือง ด้วยซ้ำ