เผยแพร่ |
---|
พิธา ชี้เพื่อไทย ควรได้สิทธิชี้แจงคำร้องทักษิณครอบงำ ยันโทษยุบพรรคควรได้สัดส่วน ไม่ควรมี 2 มาตรฐาน คนรัฐประหารโทษหนักกว่าครอบงำพรรค ยังไม่เคยถูกลงโทษ
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2567 ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงคำร้องยื่นยุบพรรคเพื่อไทย จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรค ซึ่งล่าสุดนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เตรียมพิจารณานำ 4 คำร้องมารวมกันว่า ต้องดูกระบวนการร้องนั้น ต้องได้สัดส่วน ซึ่งไม่ควรนำมาใช้ในคำร้องการยื่นยุบพรรค
ส่วนที่ว่านายทักษิณ เรื่องครอบงำพรรคหรือไม่ ในภาพใหญ่ไม่ควรให้พรรคที่มาจากประชาชนต้องตายโดยองค์กรอิสระได้ เพราะมันจะเกิดคำถามว่า องค์กรอิสระมีที่มาจากไหน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องพิจารณาความเหมาะสมของสัดส่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบทลงโทษ ถ้าถูกครอบงำจริง บทลงโทษก็ควรได้สัดส่วนตามระดับของความผิด ไม่ใช่ทุกเรื่องจะต้องถูกยุบพรรคหมด ตนคิดว่าไม่เป็นไปตามหลักการและสามัญสำนึก
ส่วนรายละเอียด ตนไม่สามารถตอบได้ทั้งหมดเพราะยังไม่ได้อ่านคำร้อง แต่บทลงโทษต้องเป็นไปตามสัดส่วนความผิด ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ปกปักษ์รัฐธรรมนูญ การเกิดรัฐประหาร โทษควรจะหนักกว่าการครอบงำพรรค ทำไมคนทำรัฐประหารไม่เห็นได้รับโทษเลย
ส่วนที่ประธานกกต. ระบุกกต.มีระเบียบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อ 7 วรรคสอง ระบุว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นและเสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณานั้น เทียบเคียงการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร นายพิธา ระบุว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกลตอนนั้นมีข้อต่อสู้ ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงตามระเบียบใหม่ที่เกิดขึ้นหลังยุบพรรคอนาคตใหม่
ตอนนี้ระเบียบดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้ว พรรคเพื่อไทยควรได้มีโอกาสชี้แจง เพราะถ้าได้ชี้แจง เรื่องจะจบที่กกต. ไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ได้รับสิทธิ์ เพราะเป็นระเบียบที่ทุกพรรคควรจะได้รับระเบียบนั้น การพิจารณายุบพรรค ไม่ควรมี 2 มาตรฐาน ไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางด่วน และไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางธรรมดา และการให้พรรคชี้แจงเป็นสิทธิ ไม่ไปผูกขาดอำนาจของ กกต.
ส่วนสถานการณ์พรรคเพื่อไทยที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ทำให้มีวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยอาจชิงยุบสภาก่อน นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีด้วย การเมืองย่อมเกิดขึ้นได้หมด
ตนเคยคุยกับนักวิชาการต่างชาติว่าอายุรัฐบาลอยู่ได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลเกิดจากการเผด็จการ และตอนนี้อยู่ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ และคิดว่า ทุกพรรคการเมืองที่เชื่อมโยงกับประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกตั้ง เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้