วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้นำสูงสุดขององค์กรด้านการเงินระหว่างประเทศได้ออกมาตั้งคำถามต่อความถูกต้องชอบธรรมของเงินตราดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ที่ตอนนี้มูลค่าร่วงลงอย่างหนัก โดยมองการเก็งกำไรแบบขึ้นเร็วลงเร็วว่าเปรียบได้กับการเล่น “แชร์ลูกโซ่” โดยนายจิม คิม ยอง ประธานธนาคารโลกหรือเวิล์ดแบงก์ ได้กล่าวเมื่อวานนี้ในงานประชุมที่วอชิงตัน ว่า ในความหมายของการใช้บิตคอยน์หรือเงินดิจิทัลบางชนิด ที่เรากำลังตรวจสอบอยู่ แต่ตนบอกได้ว่าส่วนมากเงินตราดิจิทัล พื้นฐานมันคือการเล่นแชร์ลูกโซ่แบบพอนซี และยังคงไม่มีความชัดเจนว่ามันทำงานยังไง

นายคิมยังกล่าวว่า ในส่วนพัฒนาการของผู้ให้ยืมในเทคโนโลยีบล็อกเชนยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หวังอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะสามารถใช้งานในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อติดตามกระแสเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการฉ้อฉล

ด้านมูลค่าของเงินดิจิทัลได้เพิ่มสูงขึ้นในปี 2017 ก่อนที่จะลดฮวบ โดยมูลค่าบิตคอยน์ตกต่ำลงเกือบ 2 ใน 3 ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ขณะที่เทคโนโลยีเงินตราดิจิทัลมีศักยภาพที่เปลี่ยนโฉมการเงินโลกนั้น กลับเกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับความผันผวน และศักยภาพในการฟอกเงินหรืออาชญากรรมอื่นที่จะเกิดขึ้น

ไม่เพียงนายลีที่มีความเห็นลักษณะนี้ แม้แต่นายออกัสติน คาสเต้นท์ ประธานธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ หรือ บีไอเอสกล่าวสุนทรพจน์ในสัปดาห์นี้ว่า เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องควบคุมเงินตราดิจิทัลเพราะมันเชื่อมโยงกับระบบการเงินของประเทศทั้งหมดซึ่งส่งผลเกิดการทำลายล้าง (Disrupt) รวมถึงนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ยังกล่าวว่า การบริหารและการจัดการความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างมากต่อเงินตราดิจิทัล

ทั้งนี้ การฉ้อโกงในรูปแบบแชร์ลูกโซ่พอนซี เป็นการปฏิบัติการในลักษณะที่ผู้ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือเป็นองค์กร จ่ายผลกำไรให้แก่นักลงทุนโดยใช้เงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนใหม่ แทนที่จะใช้ผลกำไรที่ผู้ดำเนินการลงทุนหาได้

ที่มา : Bloomberg