“วิโรจน์” ผิดหวัง รมว.กลาโหม ไม่มาตอบกระทู้สดกรณีซ้อมทรมานพลทหารเสียชีวิต ประกาศใช้กลไก กมธ.ทหาร หากพบข้อเท็จจริงเข้าข่าย พร้อมเดินหน้าเอาผิด

“วิโรจน์” ผิดหวัง รมว.กลาโหม ไม่มาตอบกระทู้สดกรณีซ้อมทรมานพลทหารเสียชีวิต ประกาศใช้กลไก กมธ.ทหาร หากพบข้อเท็จจริงเข้าข่าย พร้อมเดินหน้าเอาผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่มีข้อยกเว้น
.
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย ถึงกรณีการเสียชีวิตของพลทหารจากการซ้อมทรมานในค่ายทหารช่วงที่ผ่านมา แต่ รมว.กลาโหม อ้างว่าติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถมาตอบกระทู้ ขอเลื่อนการตอบกระทู้ออกไปก่อน
.
วิโรจน์จึงลุกขึ้นว่า กระทรวงกลาโหมไม่ได้มีรัฐมนตรีแค่คนเดียว ยังมี รมช. และเราได้พูดมาหลายครั้งในสภาฯ แห่งนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน แต่รวมถึงวิปรัฐบาล ที่แสดงความไม่สบายใจกรณีรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญในการมาตอบกระทู้ เหตุใดใน ครม. ตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จนถึงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จึงขันน็อตเรื่องนี้กันไม่ได้ และขอย้ำผ่านประธานสภาฯ ย้อนกลับไปดูยุคอดีตนายกฯ เศรษฐา ได้มีมติ ครม. ให้รัฐมนตรีเตรียมตัวมาตอบกระทู้และให้เกียรติสภาฯ มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว
.
เรื่องที่ตนจะหารือกับ รมว.กลาโหม ในวันนี้ เราไม่ได้มีท่าทีมาตอบโต้ด่าทอต่อว่า แต่จะหารือว่าทำอย่างไรให้กรณีการเสียชีวิตจากการซ้อมทรมานพลทหารในค่ายทหารหมดไปเสียที ตนเข้าใจว่าท่านภูมิธรรมเพิ่งรับตำแหน่ง จึงจะมาหารือว่าจะออกระเบียบหรือทำอย่างไร เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่ลูกหลานเข้าไปอยู่ในค่ายทหารสบายใจ ทุกวันนี้เวลาที่ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของทหาร แทนที่จะเป็นการเสียชีวิตเพราะอริราชศัตรู กลับต้องเสียชีวิตเพราะทหารของชาติเดียวกัน เพราะความคลั่งอำนาจของทหารระดับบังคับบัญชา โดยที่ผู้บังคับการในค่ายไม่เคยเหลียวแล
.
“วันนี้พิสูจน์แล้วว่าผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงกลาโหม คือ รมว.กลาโหม และเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงด้วย ไม่ให้ความใส่ใจกับชีวิตของพลทหารที่อยู่ในค่ายทหาร แล้วโครงการรับสมัครทหารแบบสมัครใจ ยกเลิกการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลชุดนี้ จะเป็นจริงได้อย่างไร เป็นได้แค่ลมปากเท่านั้น”
.
วิโรจน์ทิ้งท้ายว่า จึงขอฝากไปยัง รมว.กลาโหม ในเมื่อท่านไม่ใส่ใจไม่เหลียวแลชีวิตที่ต้องเสียไปในค่ายทหาร วันนี้ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร จะสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หากพบเข้าข่ายการซ้อมทรมาน จะทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้บังคับบัญชา ตามมาตรา 42 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 อย่างไม่มีการยกเว้น
.
ทั้งนี้ ในช่วงกระทู้สด ครอบครัวของพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เข้ารับฟังในห้องประชุมใหญ่ด้วย เพื่อรอฟังคำตอบจาก รมว.กลาโหม แต่รัฐมนตรีไม่มาตอบ โดยช่วงบ่ายวันนี้ ครอบครัวของพลทหารศิริวัฒน์จะเข้าร่วมการประชุม กมธ.ทหาร ร่วมกับตัวแทนกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตามหาข้อเท็จจริงและความรับผิดชอบจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น