“โรม” กังขารบ.-ตร.ช่วยคดีตากใบ ให้จบอายุความ ถาม “ภูมิธรรม” ยังมีหัวใจหรือไม่ “บิ๊กอ้วน” แจงไม่ได้เจตนาแต่เกิดจากความอลหม่าน

“โรม” กังขารบ.-ตร.ช่วยเป่าคดีตากใบ หวังให้จบอายุความ ถาม “ภูมิธรรม” ยังมีหัวใจหรือไม่ ด้าน “บิ๊กอ้วน” แจงไม่ได้เจตนาฆ่ากัน แต่เกิดจากความอลหม่าน ลั่นวันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง2ฝ่าย เผยรบ.ยิงลักษณ์ เยียวยาแล้วรายละ7ล้าน ยันถ้ารู้ตัวผู้ต้องหาก็จับ

เมื่อเวลา 11.05 น.วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ถาม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องการดำเนินคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ว่า คดีตากใบใกล้จะหมดในอีก 22 วัน จะส่งผลต่อการดำเนินคดีใดๆกับผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป ตราบใดที่คดีนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ทุกรัฐบาลล้วนต้องรับผิดชอบในการสะสาง จนกว่าสันติภาพชายแดนใต้จะเกิดขึ้น เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อ 25 ตุลาคม 47 ในเวลานั้นผู้นำรัฐบาลคือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของคนในพื้นที่ที่อยู่คู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯมาโดยตลอด

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลขณะนั้นตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น 1 ชุด ผลการสอบสวนชี้ชัดว่าเกิดจากความบกร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควบคุมเหตุการณ์อันนำมาสู่โศกนาฏกรรม สุดท้ายผู้มีอำนาจทางการเมืองลืมเลือนเหตุการณ์ตากใบจนเกือบหมดอายุความ แต่ผู้เสียหายในคดีนี้ลุกขึ้นมาฟ้องเอาผิดเพื่อทำความจริงให้ปรากฏด้วยตนเอง ย้ำว่าคดีนี้ประชาชนร้องเอง ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลเหมือนที่รัฐมนตรีบางคนพูดไว้ว่ามีความคืบหน้ามากที่สุดในรัฐบาลนี้

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ได้ทำลายความไว้วางใจประชาชนต่อรัฐอย่างสิ้นเชิง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู ตนเป็นห่วงจริงๆ 25 ตุลาคม 2547 ภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เป็นการฝังกลบความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐจนยากที่จะฟื้นคืน จะทำให้สันติภาพเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ มีอดีตนายกฯ 2 คนที่ออกมาขอโทษในเรื่องนี้ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และอีกคนหนึ่งคือ นายทักษิณ ขอโทษเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ซึ่งครบรอบ 18 ปีเหตุการณ์ตากใบ ไม่น่าเชื่อต้องรอถึง 18 ปี จึงมีท่าทีเสียใจของอดีตนายกฯ ดังนั้น จึงอยากถามว่า จะทำอย่างไรเพื่อฟื้นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ และจะสร้างความรู้สึกของประชาชนให้กลับมาดี สมกับที่อดีตนายกฯเคยขอโทษอย่างไร

“เหลือเวลาอีก 22 วัน กระบวนการที่ทางตำรวจจะต้องไปแจ้งข้อกล่าวหาใหม่กับเวลาแค่นี้ แล้วตำรวจอยู่กับใคร นายภูมิธรรมเป็นคนดู ท่านจะบอกว่า ให้มองอย่างสร้างสรรค์ มองแบบไม่รู้สึกอะไรหรือ ประทานโทษท่านยังมีหัวใจหรือเปล่า นึกไม่ออกว่า สหายใหญ่ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ถามว่า จะทำให้เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นแบบ 6 ตุลาหรือ ท่านส่องกระจกแล้วยังจำตัวเองได้หรือเปล่า สั้นๆง่ายๆนิดเดียว ว่าวันนี้มีการเป่าคดี มีความพยายามช่วยกัน หนึ่งในการช่วยกัน คือตำรวจ ถามว่าท่านในฐานะที่ดูแลตำรวจจะทำอย่างไร” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมัน กล่าวว่า ตนทราบดีว่าวันนี้มีการดำเนินคดีในศาล มีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ถูกดำเนินคดีด้วย และยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อตามตัวใครก็ตามมาดำเนินการทางกฎหมาย วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่านายภูมิธรรมและรัฐบาลต้องการให้เรื่องจบแบบขาดอายุความ ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีการสืบพยาน ไม่มีคำให้การ ซึ่งตนสนใจว่า ถ้ามีการให้การหรือสืบพยานสุดท้ายจะชี้ไปที่บุคคลที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่

ด้าน นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ปัญหาชายแดนใต้ต้องเริ่มต้นแก้ไขด้วยเหตุผลและดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่เริ่มจากความดุเดือด หรือมองแต่ด้านลบเพียงด้านเดียว ไม่ใช่มองเพียงว่าเจ้าหน้าที่ทำแบบโน้น ตรงนั้นตายแบบนี้ แต่เรื่องดังกล่าวมีองค์ประกอบเกี่ยวข้องหลายอย่าง และขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทุกเรื่องมีความสำคัญ แต่รัฐบาลต้องทำเรื่องเร่งด่วนในขณะนั้น คือน้ำท่วม โปรดเข้าใจว่าตนไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำถามสื่อมวลชนที่ถามเรื่องคดีตากใบ

นายภูมิธรรม ชี้แจงอีกว่า ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ตากใบและสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องตากใบเกิดเมื่อปี 47 มีความจริงหลายมิติ รายงานสรุปว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเป็นหลัก เป็นเรื่องกระบวนการลำเลียงคน ขณะเกิดเหตุมีสื่อรายงานว่ามีนายทหารเตือนว่า การนำคนขึ้นไปจำนวนมากไม่ได้ ต้องเอาลงมา ดังนั้น การสรุปว่า มีเจตนาหวังจะเอาคนไปทับให้ตายถือว่าไม่ใช่ ขณะนั้น มีการสับสนอลวน เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เหตุการณ์นี้ควรให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ตั้งใจจะฆ่ากัน แต่เป็นเรื่องความสับสนอลหม่าน

“ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เยียวยาแล้ว ถึงรายละ 7 ล้านบาท และสัดส่วนที่ลดหลั่นลงไปตามความบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ทั้งหมดพยายามให้เห็นว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น และใช้เป็นอุทธาหรณ์มากกว่าทำให้เป็นเครื่องมืออธิบายว่า รัฐบาลตั้งใจจะฆ่าเขาหรือรัฐบาลไม่ใส่ใจ โดยไม่เห็นคุ้มค่าของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสียใจ และไม่อยากเห็นเกิดขึ้น ไม่ใช่ความตั้งใจแต่เกิดจากความสับสนอลหม่าน” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังหาตัวผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ ซึ่งฝ่ายรัฐต้องดำเนินการไป และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารู้ก็ต้องจับอยู่แล้ว พูดชัดเจนตลอดว่าอยากให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีไปถึงจุดของมัน เกือบ20ปีแล้ว เพิ่งมารื้อฟื้นและเพิ่มคดีในตอนนี้ ตอนนั้นเคยมีการถามในการตัดสินว่าไม่ฟ้องคดีต่อ มีเวลา 15 วันที่จะให้ฟ้อง ตอนนั้นก็ไม่มีใครฟ้อง เราก็นึกว่า เรื่องนี้ยุติไปแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เป็นประเด็นแตกแยกเพียงแต่อยากใช้เป็นประสบการณ์และหาทางออก

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ ขอให้ใจเย็น แล้วมาดูว่าเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้งญาติผู้เสียชีวิต และคนที่ถูกกล่าวหาซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาต้องมีส่วนในการรับผิดชอบหรือไม่ ทั้งหมดจะยุติได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการยุติธรรมเดินถึงที่สุด ฉะนั้นอย่าด่วนเอาตัวเองเป็นคนตัดสิน ทั้งนี้หากมีหลักฐานว่าตำรวจดึงคดีก็ว่ามาจะตรวจสอบให้ แต่อย่าคิดเองว่าศาล ตำรวจ อัยการ ตน และพรรคการเมืองเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่ควรพูด แต่ควรจะนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน ตนไม่อยากคุยเรื่องอารมณ์และการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการถามของนายรังสิมันต์ มี นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงสลับกับ นางศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อยู่เป็นระยะเพราะมีการพาดพิงเรื่องราวในอดีต อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการตอบกระทู้ของนายภูมิธรรม นายรังสิมันต์ขอชี้แจง แต่ประธานที่ประชุมไม่อนุญาต เนื่องจากได้ใช้เวลาหมดแล้ว และนายรังสิมันต์ เป็นฝ่ายพาดพิงก่อน จนเกิดการโต้เถียงประท้วง ว่า นายภราดรทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ก่อนที่จะไกล่เกลี่ยกันจนสามารถไปกระทู้ต่อไปได้… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_4825374