เผยแพร่ |
---|
สภาคว่ำร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพ “วิโรจน์” ชี้ กมธ.งบประมาณตั้งข้อสังเกตกันทุกปีว่าซ้ำซ้อน-ตรวจสอบไม่ได้ แต่ถึงเวลาจริงกลับไม่โหวตตามที่พูด
วันที่ 18 กันยายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งนำเสนอโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อให้การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกองทัพมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแก้ไขให้รัฐบาลต้องเปิดเผยภาระทางการคลังผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น
โดยที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้ขอรับร่างฯ ดังกล่าวไปพิจารณาเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งครบกำหนดกลับเข้าสู่การพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ พร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
วิโรจน์ ในฐานะเจ้าของร่างฯ ได้อภิปรายต่อข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีมีกลับมา โดยระบุว่าหลักการสำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มีอยู่ 2 ประการ คือ 1) การสร้างความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการคลัง สถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง และ 2) การปรับปรุงการจัดการเงินนอกงบประมาณให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
โดยหน่วยงานใดที่มีความจำเป็นในการจัดการเงินนอกงบประมาณด้วยตัวเองก็ยังคงทำได้ โดยเฉพาะกองทัพที่มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณถึงปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมีการตรากฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มากำกับ มีการตรวจสอบตามหลักการทางบัญชี และมีการเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นกระดาษไม่กี่หน้า แล้วฮุบเอาเงินนอกงบประมาณไปจัดการตามอำเภอใจในแดนสนธยา ขนาดที่คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ยังตรวจสอบไม่ได้
วิโรจน์กล่าวต่อไป ว่าเมื่อตนอ่านข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีตีกลับมาก็ยิ่งตกใจ เพราะไม่มีความใส่ใจต่อข้อสังเกตใดๆ ของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ เลย การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตนทึกทักนึกเอา แต่มาจาก สส. ทุกพรรคทุกคน ผ่านรายงานข้อสังเกตต่อ พ.ร.บ.งบประมาณของทุกปี รวมทั้งในปีล่าสุด 2568 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “กระทรวงกลาโหมเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งใช้ระเบียบที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และยังย้ำอีกว่า “ควรมีข้อมูลรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณมาแสดงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ”
โดยในปี 2567 ก็มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกัน ว่ามีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 4.6 หมื่นล้าน ย้อนกลับไปปี 2566 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมหาศาลในระดับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการฯ มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องเดิมทุกปี ก็คือเงินนอกงบประมาณไม่สามารถตรวจสอบได้และมีความซ้ำซ้อน และขาดความโปร่งใส ซึ่งตนขอตั้งคำถามว่าในฐานะผู้แทนราษฎร เราทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตแล้วมองตาปริบๆ มากี่ปีกันแล้ว แล้วเราจะสังเกตกันแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ จากรายงานที่คณะกรรมการกฤษฎีการวบรวมความเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มีแต่ระบุเหตุผลในเรื่องความคล่องตัว แต่ไม่มีหน่วยงานใดเลยชี้แจงว่าจะสร้างความโปร่งใสและลดความซ้ำซ้อนของการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯ ทุกชุดทุกปีตั้งข้อสังเกตได้อย่างไร ในฐานะ สส. เราทำได้มากกว่าการจ้องแล้วตั้งข้อสังเกต เราสามารถแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ ให้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมีความโปร่งใสได้ โดยที่เราไม่ต้องมาสังเกตแล้วได้แค่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ถอนหายใจ แล้วทำอะไรไม่ได้
“ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก ขอให้เราทุกคนร่วมกันยืนหยัดกล้าหาญที่จะรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เหมือนตอนที่เราโหวตเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เป็นเอกฉันท์กันแทบทุกปี ถ้าไม่ทำเพื่อจัดการเงินนอกงบประมาณให้โปร่งใส ในปีต่อๆ ไปเราไม่ต้องมาตั้งข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว ผมเสนอว่าพอถึงหน้าเงินนอกงบประมาณให้เอาแถบสีดำคาดเอาไว้ แล้วพิมพ์เอาไว้ว่าไม่มีข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะสังเกตไปเพื่ออะไร” วิโรจน์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมอภิปรายก่อนที่จะมีการลงมติ โดยในตอนหนึ่งได้กล่าวว่าวันนี้จะมีมติอย่างไรออกมาตนยังไม่ทราบ แต่เมื่อมีมติวิปแล้วต้องปฏิบัติตาม วันนี้ตนไม่ขออยู่ในที่ประชุม ก็คือจะออกเสียงในการงดใช้สิทธิ พ.ร.บ.ฉบับนี้หากมีโอกาสเป็นผู้แทนราษฎรแล้วเราไม่แก้ไข เงินนอกงบประมาณก็จะเป็นข้อสังเกต เป็นไส้ติ่งของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทุกปี ตนพูดด้วยความเจ็บปวด บางทีเป็น สส. ฝ่ายรัฐบาลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราจับการทุจริตซึ่งๆ หน้าได้แล้วเราไม่ทำต่อ เราจะเป็นผู้แทนราษฎรที่สง่าผ่าเผยได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลงเข้าสู่การลงมติในวาระ 1 ปรากฏว่าสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมาก ได้ลงมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เป็นผลให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐเป็นอันตกไป