เผยแพร่ |
---|
‘กัณวีร์’ ฝากการบ้าน ‘แพทองธาร’ 1 ปีที่ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ยังไม่ได้ทำ ก่อนทำให้ทุกตารางนิ้วเป็นพื้นที่ของโอกาส กล้ากำหนดอนาคตของตนเอง เปิดพื้นที่เสรีภาพให้ได้ก่อน
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 2 ของรัฐบาลในรอบ 1 ปี และเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
นายกัณวีร์กล่าวว่า 1 ปีในสภาผู้แทนราษฎรของตนเอง เรียกได้ว่าคุ้มจริงๆ เพราะได้ยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเห็นชอบ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน อีกสองครั้ง ไม่เห็นชอบ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ตรงปก
“ในฐานะฝ่ายค้าน 1 ปี ในรัฐบาลเศรษฐา ผมเชื่อว่า 1 เสียงของผม แม้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไม่มาก แต่ได้เปิดพื้นที่ให้ในสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดถึงหลายเรื่องที่ไม่เคยถูกหยิบยกมาพูดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะเสียงของผู้คนที่ไม่มีโอกาสจะได้พูดหรือเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในสิ่งที่พวกเขาควรจะได้รับ แม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
นายกัณวีร์กล่าวว่า ตนเองได้ฝากหลายเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปถึงนายกรัฐมนตรี อดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง รับรู้บ้างไม่รับรู้บ้าง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จึงอยากจะมาฝากไปถึงนายกฯแพทองธารอีกครั้ง
นายกัณวีร์กล่าวว่า ตนเองจึงอยากฝากการบ้านไปถึงท่านนายกฯคนใหม่ว่า นอกเหนือหน้าที่การเป็นผู้นำรัฐบาล ที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนทางด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญแล้ว ความตั้งใจของท่านที่แถลงหลังได้รับตำแหน่งที่ว่า
จะทำให้ทุกตารางนิ้วเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่ที่คนไทยทุกคนจะกล้ามีความฝัน กล้ามีความคิดที่สร้างสรรค์ และกล้าที่กำหนดอนาคตของตนเอง
ผมจึงอยากฝากถึงท่านง่ายๆ ครับ ก่อนจะเปิดพื้นที่ของโอกาส และกล้ากำหนดอนาคตของตนเอง เปิดพื้นที่เสรีภาพให้ได้ก่อน เอาเฉพาะเรื่องที่ผมติดตามนะครับ”
นายกัณวีร์กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา มีการฟ้องปิดปากประชาชนไปหลายคดี เช่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นักกิจกรรม 9 คน ถูกดำเนินคดีอั้งยี่ซ่องโจร เพียงเพราะจัดงานแต่งกายชุดมลายู ส่งเสริมอัตลักษณ์ตัวตน เปิดพื้นที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะในการพูดถึงสันติภาพที่พวกเขาอยากร่วมกำหนดอนาคตตัวเอง ซึ่งในวันที่ 28 ส.ค.นี้ อัยการจังหวัดปัตตานีนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่
“และเรื่องสำคัญที่จริงๆ ก็เกิดมาตั้งแต่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุณอาของท่าน มีชาวอุยกูร์ กว่า 200 คน ถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมืองในประเทศไทย ผ่านมา 10 ปี ยังมีชาวอุยกูร์ผู้ชาย 48 คน ถูกขังลืมมา 10 ปี ในห้องกัก ตม.ของไทย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ที่องค์การสหประชาชาติส่งจดหมายมาถึงรัฐบาลไทย ส่งมาถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านต้องเปิดอ่านด้วยนะครับ และในฐานะท่านบอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความเป็นแม่ด้วย อยากให้ท่านนึกถึงหัวอกแม่ พ่อและลูก ที่ถูกพรากจากกันโดยไม่รู้ชะตากรรมด้วยนะครับ ผมจึงคาดหวังกับท่านนายกฯคนใหม่อย่างมากทีเดียว”
นายกัณวีร์กล่าวว่า เรื่องสำคัญใกล้ตัว อย่างที่ทราบว่าสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมา รัฐบาลเศรษฐา ดูเอาจริงเอาจังในการร่วมสร้างสันติภาพในเมียนมา โดยเฉพาะการเปิดระเบียงมนุษยธรรม ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ แต่หลังนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กต. ดูเหมือนจะชะงักลง รักษาการ รมต.มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อาจกำลังทำอยู่ก็ได้แต่ยังไม่เห็นผลงาน ผมเลยอยากเห็น อยากรู้ว่าท่านนายกฯมีวิสัยทัศน์ มีความรู้เรื่องนี้อย่างไร
“และอีกเรื่องที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย ภัยจากอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ จากธุรกิจทุนจีนเทาจีนดำ ที่รายล้อมประเทศไทย ท่านนายกฯจะจัดการอย่างไร เห็นท่านไปเยือนจีนพบผู้นำจีนมาตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
นายกัณวีร์กล่าวว่า ขอฝากการบ้านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไว้เท่านี้ก่อน เพราะคิดว่าเราคงต้องฝากกันอีกมาก แล้วพบกันในสภาผู้แทนราษฎร