เผยแพร่ |
---|
วิโรจน์ เผยสส.ก้าวไกล เช็กแค่ใจแล้วพร้อมกันเข้าบ้านใหม่ ชี้อุณหภูมิการเมืองวันนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อตัวแล้ว ขออย่าเปรียบเทียบหัวหน้าเก่า-ใหม่ อุบชื่อคนลงชิงสส.พิษณุโลก
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวพรรคใหม่ในวันพรุ่งนี้(9 ส.ค.)ว่า หลายคนถามว่าเราได้เช็กชื่อสส.ที่จะไปพรรคใหม่หรือไม่ ต้องบอกว่าเราไม่ได้เช็กชื่อ แต่เราเช็กหัวใจกัน เราพูดคุยกัน เท่าที่หารือกัน คิดว่าน่าจะไปสมัครพรรคใหม่พร้อมกัน
ส่วนชื่อพรรคใหม่นั้นให้รอฟังทีเดียวเลย ตนก็ยังไม่รู้ชัดเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าพวกเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง ส่วนการต้านคนที่จะมาซื้อสส.ของเรานั้น คิดว่าทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันอธิบายยากในเรื่องความยุติธรรม และเรารู้ว่าที่มาของเรามาจากความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน 14 ล้านเสียง และทุกคนตระหนักดีว่า ในอดีตคนที่เป็นงูเห่า หักหลังกับความไว้วางใจของประชาชนก็มีจุดจบอย่างไร
ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องบอก ทุกคนตระหนักอยู่ในใจแล้ว และวันนี้ดินฟ้าอากาศ อุณหภูมิทางการเมืองไม่จำเป็นต้องซื้อตัวกัน และความมุ่งมั่นของสส.เราก็ต่างไปจากเดิม ดังนั้นตนจึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในรอบนี้
เมื่อถามว่ามีการซื้อสส.ในราคา 20-30 ล้านบาทจริงหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนว่าไม่จริง ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม เขาก็คงทาบทามกันเองตามประสาคนที่เคยทำ คงลองถามไถ่ดู ได้ก็ดีฟรีก็เบิ้ล
เมื่อถามว่าการเปิดตัวพรรคใหม่ทันที ถือเป็นการกันเรื่องซื้อตัวด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราตกลงร่วมกันตั้งแต่แรกว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับการขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล เราเรียกว่าวิธีนี้เป็นแผน 2 หรือแพลนบี ซึ่งจริงๆ เราตกลงเรื่องแพลนนี้กันมาแล้วว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไร เราจะร้อยรักดวงใจกันไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่มีการบังคับแต่ตกลงกันแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นชื่อน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ไว้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า รอแถลงอย่างเป็นทางการดีกว่า ถ้าถามว่าคุณสมบัติจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องเป็นคนที่สามารถขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคต่อไปได้อย่างมั่นคง ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นผู้หญิง เพราะพรรคเราเคารพความหลากหลายเพศวิถีอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า หัวหน้าแต่ละคนมีจุดเด่นแตกต่างกัน ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาหัวหน้าแต่ละคนมาเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าหัวหน้าพรรคแต่ละคนก็มีท่าไม้ตายเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และยืนยันว่าเคล็ดวิชาต่างๆ ของหัวหน้าพรรคเราล้ำเลิศ
เมื่อถามว่าอารมณ์ตอนนี้ยังเสียใจหรือโกรธอยู่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยอมรับมีบ้าง แต่เราต้องทำงานต่อ คือแผนงานทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเราวางไว้เลยวันที่ 7 ส.ค.ไปแล้ว เพราะเรารู้ว่าต่อให้ 7 ส.ค.จะเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่หยุด เราต้องเดินหน้าต่อ ดังนั้น มีงานอะไร เราก็ทำต่อ
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งสส.ซ่อมที่เขต 1 พิษณุโลก แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ถูกตัดสิทธิ์จากคำวินิจฉัยยุบพรรค นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่งลงแน่นอน จะเป็นใครก็อุบไว้ก่อน แต่เป็นคนที่ทำงานกับพรรคเรามานาน
เมื่อถามถึง 44 สส.ของพรรคที่ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรมไปยัง ป.ป.ช. นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคที่พยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงและผลักในประเทศพัฒนานั้น ส่วนมากจะมีวิบากกรรมเช่นนี้ แต่คิดว่าคนที่ทำให้เกิดวิบากกรรมแบบนี้ เขาต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในกรอบที่เขาอยากให้เป็นแบบเดิมใช่หรือไม่ แต่ถ้าเรารู้ว่าวิบากกรรมเหล่านั้นเขาสร้างเพื่อสิ่งนั้น เราจะยอมให้เขาได้สิ่งนั้นหรือ ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้คือสร้างระบบงาน ระบบพรรคที่ประชาชนไว้วางใจและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
เมื่อถามว่าการยุบพรรคครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราคาดหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพวกเราร่วมมือกับพรรคในรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยร่วมกันแก้ไขพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดสรรอำนาจ ที่พอควรให้กับหน่วยงานองค์กรอิสระ
เมื่อถามว่าจะมีผลอะไรในสภาฯ หรือไม่ เพราะเสียโควตานายปดิพัทธ์ ไม่ได้เป็นรองประธานสภาฯ แล้ว นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องรอติดตาม เชื่อว่าคนที่ขึ้นมาเป็นรองประธานสภาฯ ต้องเป็นกลาง ดังนั้นรองประธานสภาฯจะเป็นใครเราก็ทำงานได้เหมือนเดิม