เศรษฐา มอง กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ค้านยุบก้าวไกลไม่มีความหมาย ลั่นไทยเป็นประเทศเอกราช ไม่มีใครยอมให้ก้าวก่าย

เศรษฐา เชื่อ ก้าวไกล ไม่ปลุกระดมจนวุ่นวาย หลังโดนยุบพรรค ชี้ กต.สหรัฐฯ ค้าน ไม่มีความหมาย ลั่นไทยเป็นประเทศเอกราช ไม่มีใครยอมให้ก้าวก่าย บัวแก้วแถลงบ่ายนี้

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 8 ส.ค. 2567 ที่ท่าอากาศยานกองบิน 2 กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) 10 ปี ที่เหมือนเป็นการปลุกระดม ว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรคก้าวไกล ที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจ ในการทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองและตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้วก็ไม่ได้มีข่าวอะไรที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก

“ผมมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลเคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (7ส.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มารายงานเรื่องการชุมนุมภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบทุกๆ ฝ่าย” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาออกมาคัดค้าน ไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยของเราให้เป็นไปตามขั้นตอนที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว

“ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้ อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยววันนี้ (8 ส.ค.) ในช่วงบ่าย กระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาเป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา

เมื่อถามว่าภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือน ส.ค. นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วเมื่อวานเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ในส่วนของตนเอง วันที่ 14 ส.ค. ซึ่งได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไร ด้วยความเคารพ เชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 ส.ค. ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 ส.ค. ก็ยังทำงานปกติ

เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้วันที่ 14 ส.ค. ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคเอกชนไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรคก้าวไกล เท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายเศรษฐา กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่

เมื่อถามว่าหากดูจากตารางงานนายกฯ ยาวเลยวันที่ 14 ส.ค. นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย

เมื่อถามว่าจะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว เราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯ ที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทยหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน