เผยแพร่ |
---|
“ชัยธวัช” แฉ พรรคฝั่งรัฐบาลจ้องดูด สส. มั่นใจ ก้าวไกล ไร้งูเห่า ย้ำ ทุกคนกำลังใจดี เชื่อ ชนะคดียุบ บอก ไม่อยากให้โฟกัสพรรคใหม่ แต่อยากให้ดูเนื้อหาคำวินิจฉัย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าว สส.พรรคก้าวไกล ย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้พูดกันได้ แต่เรื่องยังไม่เกิด
“ที่ผ่านมาต้องเรียนตามตรงว่ามีความพยายามจากหลายพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลที่จะติดต่อกับสมาชิกของพรรคก้าวไกลเยอะมาก เพื่อหวังจะดึงสส.ก้าวไกล หรือที่เรียกว่า ซื้องูเห่า และจนถึงวันนี้ผมก็ยังมีความมั่นใจใน สส.ของพรรคก้าวไกล ว่าจะเคารพกับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ อย่างไรก็ตาม เป็นการพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด ทั้งนี้ วันที่ 7 ส.ค. ผมก็ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะชนะคดี” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่าต้องมีการกำชับสส.ว่าอย่าให้มีงูเห่าหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ต้องกำชับ เพราะตนสื่อสารในพรรคว่าเราต้องให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน อย่าไปทำให้เกิดบรรยากาศจับจ้อง จับผิดว่าใครจะเป็นงูเห่า หรือจะย้ายพรรค ซึ่งเป็นบรรยากาศไม่ดีในการทำงาน และไม่เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงไม่มีการไปกำชับ ทั้งนี้ สส.ในพรรคไม่มีการอ่อนไหว เพราะกำลังใจดีและยังเดินหน้าทำงานตามแผนงานเป้าหมายที่วางไว้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่คนของพรรคก้าวไกลไปคุยกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อเทกโอเวอร์นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นคนไปคุย แต่ตนคิดว่าตอนนี้คนพยายามไปโฟกัสว่า หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. ไม่เป็นผลดีต่อพรรคก้าวไกล โดยกฎหมายสส.ก็ต้องไปหาพรรคสังกัดใหม่ บางคนก็คิดข้ามไปล่วงหน้า ทั้งแกนนำพรรครุ่นใหม่ พรรคใหม่จะเป็นอย่างไร
ซึ่งตนย้ำว่าสิ่งที่อยากให้โฟกัสคือเนื้อหาในคำวินิจฉัยในวันดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตนคิดว่าอยากให้ติดตามว่าเหตุและผล หลักกฎหมายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ และจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเฉพาะพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อการเมืองไทยโดยรวมในอนาคตด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบ หายไป 1 พรรค จะส่งผลกระทบต่อภาพทางการเมืองหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนหมายความว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องอนาคตของพรรคก้าวไกลอย่างเดียว แต่จะเกี่ยวพันกับการใช้หรือตีความกฎหมาย รวมถึงการให้ความหมายกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าเรื่องพรรคก้าวไกลหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ผมคิดว่านัยยะความสำคัญของคำวินิจฉัยเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงไม่อยากให้มองไปเฉพาะแค่เรื่องพรรคก้าวไกล หรือมองข้ามช็อตไปแล้วว่าในอนาคตพรรคใหม่จะเป็นอย่างไร และผมเชื่อว่าในข้อต่อสู้ทางข้อเท็จจริงและทางกฎหมายของพรรคก้าวไกลมีน้ำหนักพอที่ศาลจะรับฟัง” นายชัยธวัช กล่าว