คสช. แจ้งจับ 7 นักกิจกรรม “คนอยากเลือกตั้ง” ขัดชุมนุมเกิน 5 คน-ยุยงปลุกปั่น

วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งความจาก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฎิบัติหน้าที่ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงานการรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังได้รับมอบอำนาจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มาร้องทุกข์ กล่าวดำเนินคดี 1.นายรังสิมันต์ โรม 2.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ 3.น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา 4.นายอานนท์ นำภา 5.นายเอกชัย หงส์กังวาน 6.นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ 7.นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

สำหรับข้อหา”ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ที่ทางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 25 ม.ค. เวลา 21.00 น. และวันที่ 27 ม.ค.เวลา 19.00 น. ที่บริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน ลงสมุดคดีอาญาที่ 121 /61 ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและการรักษาความมั่นคงของชาติ ลงวันที่1เม.ย. 2558 ข้อ 12 และการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช้เป็นการกระทำ ภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต 1. เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย 2.เพื่อให้เกิดความปั่นป่าวหรือกระด้าง กระเดื่อง ในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ 3.เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในคำบรรยายแจ้งความได้ลงบันทึกรายละเอียดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน ว่ามีพฤติกรรมในการกระทำอย่างไรในวัน ที่นัดร่วมตัวเคลื่อนไหวกัน โดยก่อนหน้านี้ได้โพสต์เฟตข้อความ อาทิ การโพสต์เชิญชวนให้กลุ่มของตนเอง และประชาชนที่มีแนวความคิดเหมือนกัน มาเข้าร่วม ทำกิจกรรมชุมนุมต่อต้าน คสช.

พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ กล่่าวว่า การแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง ทำผิดกฏหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย คนเป็นแกนนำต้องรับผิดชอบ รู้อยู่แล้วว่ากฎหมายกำหนดว่าอย่างไร แต่จงใจในการระเมิดกฎหมาย ออกมาปลุกปั่นยั่วยุให้มีความเกลียดชั่ง ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งแต่อย่างใด

ด้าน นายสิรวิชญ์ หรือ “จ่านิว” หนึ่งในผู้ถูกแจ้งความ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางข่าวสดว่า เป็นวิธีของ คสช.อยู่แล้ว ที่จะทำแบบนี้ คนกล่าวหาก็คนเดิม ตนเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการที่มีคนมามากขึ้น ในวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อถามว่ากลัวหรือกังวลหรือไม่ นายสิรวิชญ์กล่าวว่า ถ้ากลัวการใช้อำนาจที่เถื่อนของ คสช. ก็คงจะหมดหวังในการต่อสู้ ควรยึดหลักว่า คำสั่ง คสช. ไม่ใช่กฏหมาย และยังยืนยันที่จะดำเนินการชุมนุมที่ประกาศ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อต่อการการเลื่อนการเลือกตั้ง และหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา อีกหนึ่งผู้ถูกแจ้งความกล่าวว่า รู้สึกว่ามันคือการตอกย้ำสิ่งที่เราได้พูดไว้ ว่าคสช.ใช้วิธีการตั้งข้อหาปิดปากประชาชนมาตลอด ในทางกฎหมายเรียกว่า SLAPP (Strategic Lawsuit Against People’s Participation) ซึ่งเราได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด เกือบสี่ปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้วิจารณ์คสช.เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนคำถามที่ว่า มันสะท้อนท่าทีของ คสช.ต่อการชุมนุมที่สกายวอล์กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอย่างไร น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า คสช.กลัวว่ามันจะ”จุดติด” เพราะเสียงตอบรับจากประชาชนและสื่อมวลชน ล้วนไปในทางเห็นด้วยต่อข้อเรียกร้องที่ให้มีการเลือกตั้งภายในปีนี้ และหยุดการสืบทอดอำนาจคสช.

นอกจากนี้ นายเนติวิทย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังทราบข่าวการแจ้งความดำเนินคดีนี้ว่า จากกรณี​ที่ทหารแจ้งความผมที่ สน ปทุมวัน กับเพื่อนคนอื่นๆอีก 6 คนนั้น ผมไม่ได้อยู่กลุ่มไหนทั้งนั้น และที่ไปงานนั้นก็โดยต้องการไปฟังเสียมากกว่า เหมือนทุกครั้งไม่ได้พูดอะไรเวลาไป ไปครั้งนี้ก็เหมือนพี่น้องประชาชน​ที่อยากจะตรวจสอบการทุจริตของพลเอกประวิตร​และถามถึงสัญญาเลือกตั้ง หากมีเหตุทำให้ต้องพูดสั้นๆ ไม่ได้ตระเตรียม​ใดๆ ไม่ได้แชร์ว่าจะเข้าร่วมอะไร

“แต่ถ้าหากสิทธิ​พลเมืองในการตั้งคำถามกับคนที่เอาเงินภาษีของประชาคนไทยไปใช้ไม่ได้ บอกอีกอย่างทำอีกอย่าง ถ้าถามเสียงดังๆจะถูกเล่นงาน ผมคงไม่อาจจะปล่อยให้ประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้การนำของคนเช่นนี้ไม่ได้ คนรุ่นผมจะลำบากจากเคราะห์​กรรมแน่ๆจากมรดกการทุจริตและการตระบัดสัตย์​เช่นนี้ ดังนั้น การจะเล่นงานผมครั้งนี้ ผมไม่กลัวใดๆ ดีเสียอีกว่า อย่างน้อยผมคนนึงก็ปกป้องประเทศชาติ​ของเรา ผมมีความรู้สึกอย่างเดียวว่าเป็นเกียรติ​ที่จะอยู่ใน 7 รายชื่อนี้ด้วย” นายเนติวิทย์ โพสต์ทิ้งท้าย

https://www.facebook.com/netiwit/posts/1678723188858371?pnref=story