เผยแพร่ |
---|
รู้สึกหรือไม่ว่าระยะหลัง “บทบาท” ของ นายวิษณุ เครืองาม และ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ลดน้อยลง
นับแต่มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมา
ยิ่งในเรื่องอันเกี่ยวกับร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. บท
บาทยิ่งน้อยลง
โดยระบุเพียงว่า “สามารถทำได้”
โดยตามปรกติแล้ว ไม่ว่า นายวิษณุ เครืองาม ไม่ว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เมื่อเสนอความเห็นแล้วก็มักจะตามมาด้วยการอรรถาธิบายอย่างค่อนข้างเป็นระบบ
แต่ระยะหลังไม่พยายามต่อความยาว สาวความยืด
หากยึดกุมหลักการ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” มากกว่า
อาจเป็นเพราะว่า อย่างแรกที่สุดเป็นเรื่องคำสั่งหัวหน้าคสช. แม้ทั้ง 2 จะนั่งอยู่ด้วยแต่ก็เสมอเป็นเพียงพระอันดับ
ยิ่งเรื่องร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ยิ่งห่างไกล
กล่าวสำหรับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ แม้กรธ.จะเป็นต้นน้ำ แต่เมื่อ ผ่านวาระ 1 ในที่ประชุมสนช.และเข้าสู่ขั้นกรรมาธิการ ก็ถือได้ว่าพ้นความรับผิดชอบไปแล้ว
จึงเอ่ยเพียงว่า “สามารถทำได้”
เหมือนกับเหตุผลและท่วงทำนองอันปรากฏออกมาอย่างสงบนิ่งของ นายวิษณุ เครืองาม
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ทั้งหมดอยู่”นอกเหนือการควบคุม”
และเมื่ออยู่”นอกเหนือการควบคุม”ก็ไม่ถือว่าจะต้องเป็นเรื่องที่เข้าไปแบกรับเหมือนกับว่ามีต้นเค้ารากเหง้ามาจากตนหรือฝ่ายของตน
จึงปรากฏท่าที”ลอยตัว”อย่างสง่างาม
กระนั้น เมื่อหวนนึกไปยังการส่งความสุข(ส.ค.ส.)ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในเรื่อง “กองหนุน”
ก็ต้องนึกถึงสายสัมพันธ์และความแนบแน่น
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็เริ่มต้นบทบาท”รัฐมนตรี”ในรัฐบาลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
นายวิษณุ เครืองาม ก็เป็นคน”สงขลา”บ้านเดียวกันกับ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ เจ้าของยอดคำเท่เมื่อเดือนกันยายน 2558
“เขาอยากอยู่ยาว”