“กลาโหม” แจง รบ.เดินหน้าเปิดพื้นที่ปลอดภัย สร้างความเท่าเทียมให้ปชช. ยันปี 61 คงเข้มปราบอิทธิพลทั่วไทย

“กลาโหม” แจง รัฐบาลเดินหน้าเปิดพื้นที่ปลอดภัย สร้างความเท่าเทียมให้ประชาชน ยันปี 61 คงเข้มปราบอิทธิพลทั่วไทย เล็งจับตากลุ่มต่างชาติ เคลื่อนไหวกระทบความมั่นคง วอนประชาชนร่วมให้ข้อมูล

เมื่อวันที่ 22 มกราคม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอบคุณ ทุกหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ที่ร่วมกันทำหน้าที่เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้สังคม ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่ผ่านมา โดยปี 60 มีผลการจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่และยึดของกลางได้จำนวนมาก โดยพล.อ.ประวิตร ได้ย้ำเป็นนโยบายในปี 2561 ให้ทุกหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานร่วมกันใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งในระดับพื้นที่ภาคและจังหวัด โดยให้ขยายฐานงานข่าวร่วมกับภาคประชาชน พร้อมทั้งพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เน้นความเชื่อมโยงเครือข่ายให้ถึงผู้ที่มีอิทธิพลรายใหญ่ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาวุธสงคราม การค้ามนุษย์ การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้ ให้เพิ่มการจับตาใกล้ชิดกับกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญกรรมที่กระทบต่อความมั่นคง โดยต้องติดตามบังคับใช้กฎหมายเข้มกับชาวต่างชาติที่ยังคงค้างอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay ) กว่า 40,000 คน เพื่อดำรงสถานภาพความปลอดภัยของสังคมในภาพรวม และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันตามกฎหมายในการประกอบสัมมาชีพได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างแท้จริง พร้อมย้ำว่า ทุกส่วนราชการต้องดูแลไม่ให้มีข้าราชการทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด

พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า ในภาพรวม ปี 60 โดยสรุปที่ผ่านมาว่า ฝ่ายความมั่นคง ได้ร่วมกันกวาดล้าง จับกุมเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลรายใหญ่ทั้งต่างชาติและคนไทยได้มากขึ้น จากข้อมูลประชาชนที่ให้ความร่วมมือและเชื่อมั่นถึงความจริงจังของรัฐบาล โดยเฉพาะ การดำเนินการกับเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลต่างชาติ ที่เข้ามาก่ออาชญกรรมข้ามชาติ ซึ่งมีผลกระทบความเชื่อมั่นและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบต่างๆ ทั้ง การทำบัตรเครดิตปลอมซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคาร การจัดทำพาสปอร์ตปลอมเพื่อนำเข้ากลุ่มอาชญากรข้ามชาติ การหลอกลวงโอนเงินไปต่างประเทศ เป็นต้น

“สำหรับกลุ่มอิทธิพลยาเสพติด ซึ่งมีผลบั่นทอนทรัพยากรบุคคลของชาตินั้น สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่และยึดยาเสพติดได้เพิ่มขึ้นจากปี 59 ถึงกว่าเท่าตัว เป็นยาบ้ากว่า 215 ล้านเม็ด เฮโรอีน 376 กก. โดยเฉพาะยาไอซ์ ยึดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า กว่า 5,000 กก. นอกจากนั้น ยังได้ดำเนินการต่อเป้าหมายกลุ่มอิทธิพลมือปืนรับจ้างและการค้าอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรุนแรงทางสังคมที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้ครอบครองอาวุธปืนและวัตถุระเบิดทั่วประเทศ กว่า 25,000 ราย” พล.ท.คงชีพ กล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้ประสานการทำงานร่วมกัน พยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น กวาดล้างกลุ่มอิทธิพลต่างๆที่เอารัดเอาเปรียบสังคมและแสวงประโยชน์อยู่เหนือกฎหมายมายาวนาน โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งมั่นจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องใช้ความพยายามร่วมกันอย่างต่อเนื่องในทุกภาคส่วน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ได้กล้าที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่ชอบธรรมของการอยู่ร่วมกัน ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน