ปลายหอก พุ่งใส่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลยุทธ์ กองหนุน

แล้วสังคมก็เริ่มมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างกรณี “นาฬิกา” หรูในความครอบครองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับกรณีการต่ออายุ “ป.ป.ช.”

ว่าเป็นคนละเรื่องอย่างเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่จะสัมพันธ์กับความพยายามในการบ่อนเซาะเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ 1 ปี หลังรัฐประหาร

โดยการจุดประกายขึ้นภายใน “สปช.”

เป็นการจุดประกายโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปกิจการตำรวจแล้วก็เลเพลาดพาดไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรีซึ่งมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ เป็นรองเลขาธิการหน้าห้อง

นับแต่ปี 2558 เป็นต้นมาเป้าหมายในการดึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยกำหนดกลยุทธ์เพื่อแยกออกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่เคยเปลี่ยน

บางคนถึงกับระบุว่าเป็น “ตัวถ่วง”

อย่าได้แปลกใจหากจากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ก็สไลด์จากตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

และได้รับเลือกให้อยู่ในฐานะ “ประธาน”

ในระหว่างการร่าง พ.ร.ป.สำคัญภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แม้ กรธ.จะตั้งธงให้มีการเซตซีโร่ กรรมการในองค์กรอิสระไม่ว่าจะเป็น กกต.ไม่ว่าจะเป็น กสม.

แต่กรรมการ ป.ป.ช.กลับรอดปลอดพ้น

เป็นการอดปลอดพ้นในชั้นกรรมาธิการหลังผ่านวาระแรกในที่ประชุม สนช.และได้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมืองอีกประเด็นหนึ่ง

โดยเฉพาะเมื่อมีการขุดคุ้ยในเรื่อง “นาฬิกา” หรู

เส้นทางยังวิ่งวนอยู่โดยรอบตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนที่เริ่มต้นใน สปช.เมื่อปี 2558 ไม่แปรเปลี่ยน

หากหยั่งดูแต่ละตัวละครก็จะเข้าใจ

ศึกครั้งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ นปช.อันเป็นองค์กรที่แนบแน่นกับพรรคเพื่อไทย

หากเป็นเรื่อง “ภายใน” ของ “เรือแป๊ะ” แท้ๆ

เพราะว่า สปช.ก็มากับรัฐประหาร เพราะว่า กรธ.ก็มาโดยคำสั่งของ คสช.เพื่อมาทดแทนคณะกรรมาธิการยกร่างชุดของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็นั่งอยู่ใน “คสช.” เหมือนๆ กับ นายวิษณุ เครืองาม

แต่หากไปดูตัวละครซึ่งแสดงบทบาทในการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ “นาฬิกา” หรูก็จะมองเห็นความสัมพันธ์ที่ยึดโยงอยู่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือแม้กระทั่ง กปปส.

มีจำนวนไม่น้อยที่ได้ชื่อว่าเป็น “เด็กป๋า”

อาจกล่าวอย่างมั่นใจว่า ตัวละครเหล่านั้นทั้งที่เคลื่อนไหวข้างนอก ทั้งที่เคลื่อนไหวอยู่ในองคาพยพของ “แม่น้ำ 5 สาย”

ล้วนดำรงอยู่ในสถานะอันเป็น “กองหนุน” ทั้งสิ้น

จากนี้จึงเห็นได้ว่า ส.ค.ส.ว่าด้วย “กองหนุน” จากปาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มิได้เป็นเรื่องเอ่ยขึ้นลอยๆ ตรงกันข้าม หนักแน่นด้วยรากฐาน

ศึกจากกรณี “นาฬิกา” หรู เมื่อประสานเข้ากับความขัดแย้งจนฝุ่นคลุ้งตลบจากกรณีร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.จึงกลายเป็นเป้าหมายเดียวกัน

แม้ว่าจะมาจากคนละเรื่อง คนละกรณี

เป้าหมายนั้นแวดล้อมและล้วนรวมศูนย์ไปยังสถานะและตำแหน่งทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งสิ้น

นับวันยิ่งร้อนแรง นับวันยิ่งแหลมคม