ตะลึง! จับเอเยนต์ยาโยง’ไซซะนะ’ เมียตัวการใหญ่ ผัว’พ.ต.ท.’ร่วม ผบ.ตร.สั่งทุกสังกัดสแกนใครเอี่ยวไม่เอาไว้

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 ห้วงวันที่ 12-19 มกราคม ในพื้นที่ กทม. ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรภาค 7 เข้าตรวจค้นรวม 59 เป้าหมาย โดยมี 4 เครือข่ายยาเสพติดที่สำคัญ 1.เครือข่าย น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง 2.เครือข่าย น.ส.ธิดารัตน์ จิตรานนท์ 3.เครือข่ายม้งเวียงแก่นของนายมนตรี วงศ์บุญชัยเลิศ และ 4.เครือข่ายของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือเอกอ้วน ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้รวม 9 คดี มีผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางเป็นยาบ้า 3,600,000 เม็ด ไอซ์ 2 กก. กัญชา 12 กก. โคเคน 770 กรัม อาวุธปืนสั้น 21 กระบอก กระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คัน บ้าน 2 หลัง ที่ดินและคอนโด 37 แปลง เงินสด จำนวน 7,965,900 บาท ทองรูปพรรณ และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 910,935,700 บาท

พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า ถือเป็นการยกระดับในกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานช่วยเป็นหูเป็นตา สำหรับกรณีคดี น.ส.ทิพย์อาภา ที่มี พ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ สว.สอบสวน ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สามี มาเกี่ยวข้องนั้น จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง เพราะ พ.ต.ท.คนดังกล่าวเคยมีคำสั่งให้ช่วยราชการเมื่อครั้งเคยอยู่ สน.มักกะสัน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ตำรวจทางหลวงว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ในเบื้องต้น ทาง บช.ก.ได้มีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ทั้งนี้ ได้มีคำสั่งให้ทุกกองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ไม่เอาไว้

ขณะที่ พล.ต.ท.สมหมายเปิดเผยว่า จากการสอนสวน พ.ต.ท.ธนกฤต ยังคงให้การปฏิเสธ โดยธรรมชาติตำรวจจะไม่รับสารภาพ แต่มั่นใจว่าข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่สามารถทำให้ติดคุกได้แน่นอน ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่อนุมัติหมายจับ เมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ น.ส.ทิพย์อาภา ได้มีการโทรมาแจ้ง พ.ต.ท.ธนกฤต จนมีการขนของออก โดย พ.ต.ท.ธนกฤต ได้ขนเงินจำนวน 2 ล้านบาทไปยัง จ.เพชรบุรี ซึ่งพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ธนกฤต มีการช่วยเหลือกันตลอดทั้งดูแลเรื่องเงิน เปลี่ยนรถให้ อีกทั้ง เจ้าหน้าที่พบเครื่องนับเงิน ถ้าไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินจะมีไว้ทำไม และรถยนต์ที่ตรวจยึดได้ก็มีการดัดแปลงด้านล่างไว้สำหรับลำเลียงยาเสพติด ทำให้ น.ส.ทิพย์อาภารอดจากการจับกุมมาได้นานกว่า 10 ปี

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยต่อไปว่า คาดว่าจะมีนายตำรวจนายอื่นที่อยู่ในขบวนการของ พ.ต.ท.ธนกฤต อีก เพราะคนคนเดียวคงทำไม่ได้ ส่วนจะมีการนำเงินที่ได้จากขบวนการค้ายาเสพติดมาใช้ในการโยกย้ายตำแหน่งหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขบวนการของ น.ส.ทิพย์อาภาถือเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่และเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปแล้ว โดยพฤติการณ์กลุ่มนี้จะมีคนถือทรัพย์สินแทน ไม่ระบุชื่อเจ้าของที่เจ้าหน้าที่จับ อาจจะเป็นพ่อ หลาน น้อง ซึ่งต้องเชื่อมโยงให้ได้ ส่วนลักษณะการลำเลียงยาเสพติดนั้น จะนำรถยนต์ที่ถูกขโมยไปดัดแปลงใต้ท้องรถให้ว่างไว้สำหรับลำเลียงยาเสพติด ซึ่งรถยนต์คันหนึ่งสามารถขนกัญชาได้กว่า 200 กก. และมีการศัลยกรรมใบหน้าใหม่เพื่อไม่ให้คนจำไม่ได้อีกด้วย มีมูลค่าทางการเงินคาดว่ามีอยู่หลายร้อยล้านบาท ส่วน พ.ต.ท.ธนกฤตนั้น จากแนวทางการสืบสวนพบว่าเป็นนายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงาน ไม่มีรายได้อื่น แต่กลับมีรายได้เข้ามามาก จนสามารถส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ต้องใช้เงินปีละกว่าล้านบาทได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องดำเนินคดีกับนายตำรวจ ผบช.ปส. กล่าวว่า ไม่มีความหนักใจ และไม่กังวลที่จะต้องสอบสวนตำรวจด้วยกันหรือมียศสูงกว่า เนื่องจากสมัครเป็นตำรวจมาแล้วก็ต้องทำเพื่อประชาชน เมื่อทำผิดก็ต้องได้รับโทษ โดยขณะนี้นายตำรวจคนดังกล่าวถูกควบคุมไว้ที่ บช.ปส. ซึ่งในวันที่ 19 มกราคม ทางพนักงานสอบสวน บช.ปส.จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ต่อไป