‘เหวง’ อัด ‘ปชต.ไทยนิยม’ แค่เผด็จการซ่อนรูป ไม่เห็นหัว ปชช.

“หมอเหวง” ชี้ เมื่อ ปชช.ไม่ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของอำนาจเผด็จการ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น เตือน คสช.อย่าให้ไปถึงจุดนั้น

เมื่อวันที่ 16 มกราคม นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ปรากฏการณ์ “แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน” นั้น เกิดขึ้นจากผู้กุมอำนาจเอง แล้วยังหลงลำพองใจว่าไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพวกเขาแน่นอนเพราะองค์กรที่จะจัดการกับพวกเขานั้นเป็นองค์กรที่ตั้งโดยพวกเขา และได้รับการต่ออายุสืบเนื่องก็จากอำนาจของพวกเขาดังนั้น ไม่เห็นจะต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้ว่าขณะนี้จะปรากฏต่อหน้าสายตาประชาชนจำนวนมากถึง 24 เรือน โดยที่ราคาแต่ละเรือนก็กว่าล้านหรือเกือบล้านทั้งสิ้น ส่วนการประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ประเทศไทยต้องใช้ประชาธิปไตยไทยนิยม เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการซ่อนรูป คือเป็นการมองข้ามอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชาวไทยไปอย่างไม่เห็นหัวประชาชนเลยแม้แต่น้อย ท่านไม่คิดหรือว่าประชาชนทั้งประเทศที่เคยได้ลองลิ้มชิมรสประชาธิปไตยแท้จริงมาแล้วจะรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ การที่ยังคงกดหัวพรรคการเมืองนักการเมืองทั้งหมดไม่ให้ดำเนินกิจการทางการเมือง ทั้งที่ พ.ร.ป.พรรคการเมืองได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 แล้ว ต่อมาแก้เกี้ยวโดยการใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 53/2560 ออกมา ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเพราะเป็นการประกาศวาระซ่อนเร้นที่ต้องการบั่นทอนพรรคการเมืองที่มีฐานทางการเมืองเรือนแสนเรือนล้านให้เสียหายลงไปเพียงเพื่อให้ตนและพรรคพวกได้มีโอกาสงอกเงยทางการเมืองขึ้นมา

นพ.เหวงกล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือความอัดอั้นไม่พอใจของประชาชนกลุ่มต่างๆ เริ่มขยายตัวและแสดงออกอย่างไม่อาจจะปิดกั้นได้อีกต่อไป แม้ว่าในขณะนี้อำนาจของผู้กุมอำนาจยังกร้าวแกร่งอยู่ก็ตาม ความผุพังอันเกิดจากจากการกัดกร่อนของสนิมเนื้อในตน ยังทะลุทะลวงไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะทางผู้กุมอำนาจมีความมั่นใจในตนเอง ว่าสามารถดำเนินการตามประกาศคำสั่งมาตรา 44 ได้ตามอำเภอใจ ย่อมไม่อาจจะมีผู้ใดมาระคายเคืองพวกตนได้อีกต่อไป แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ได้สอนบทเรียนให้กับพวกคณะรัฐประหารคณะแล้วคณะเล่าแล้วว่า

เมื่อไปถึงจุดที่ประชาชนไม่ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของอำนาจเผด็จการอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย