‘ลิณธิภรณ์‘ ยินดีกับชาติพันธุ์ทั่วประเทศ หลังสภาฯ รับหลักการ 5 ร่างกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์ ตามเป้า รบ.เศรษฐา มุ่งคุ้มครองทุกลมหายใจบนแผ่นดินไทยอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

‘ลิณธิภรณ์‘ ยินดีกับชาติพันธุ์ทั่วประเทศ หลังสภาฯ รับหลักการ 5 ร่างกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์ ตามเป้า รบ.เศรษฐา มุ่งคุ้มครองทุกลมหายใจบนแผ่นดินไทยอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ลั่นหยุดยุคสมัยล้าหลัง ถึงเวลานำสังคมเคารพความหลากหลาย

วันที่ 28 ก.พ. 67 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 21 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ณ อาคารรัฐสภา น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. … ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็น ตามบทบัญญัติมาตรา 70 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคม ตามวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิม ตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุขและไม่ถูกรบกวน โดยประเทศไทยมีประชากรที่นิยามตนเองว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ มากกว่า 60 กลุ่ม จำนวนกว่า 10 ล้านคน หรือคำนวณสัดส่วนได้เป็น 1 ใน 7 ของประเทศ ตามการรายงานของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งแม้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์จะอาศัยอยู่และมีลมหายใจร่วมกับเราทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย แต่กลับยังไม่ได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะในเชิงกฎหมาย หรือแม้แต่วิถีชีวิตที่อาจสูญสลายไป

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาชัดเจน คือจะมุ่งมั่นให้พี่น้องทุกเผ่าพันธุ์มีความเสมอภาค เท่าเทียม ได้รับความคุ้มครองเป็นคนสมบูรณ์ เราอยู่ประเทศไทยด้วยกัน เราก็เป็นคนไทยด้วยกัน โดยเท่าเทียมกัน ดังนั้น ความเสมอภาคเป็นหัวใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และเป็นหลักคุณค่าที่ นายเศรษฐา ยึดถือมาตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. นี้ นายกรัฐมนตรียังโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ย้ำเป้าหมายว่า “พ.ร.บ. ฉบับนี้ ตั้งอยู่บนหลัก Multi-Cultural Society และจะเป็นหลักประกันให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 60 กลุ่ม มากกว่า 10 ล้านคน มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดํารงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นี่จึงเป็นกฎหมายที่บูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาชาติพันธุ์ เน้นเสริมพลังสร้างแนวร่วมในการพัฒนาประเทศร่วมกันครับ”

น.ส.ลิณธิภรณ์ อภิปรายถึงร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ว่า ทั้ง 6 หมวด 35 มาตรา ครอบคลุมตั้งแต่กลไกคณะกรรมการระดับนโยบายในหมวด 2 คือ “คณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์” ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมด้วย ที่สำคัญในหมวด 3 ยังให้มี “สมัชชากลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย“ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกภายในกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งเลือกกันเอง เพื่อเสนอแนะนโยบายและมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ต่อคณะกรรมการฯ

“นี่จะเป็นพระราชบัญญัติแรกในประวัติศาสตร์ ที่เราจะไม่เพียงแต่คุ้มครองวิถีชีวิตของชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทุกชีวิต แต่จะเป็นประกันว่าทุกลมหายใจบนผืนแผ่นดินไทย มีเกียรติ มีคุณค่า ที่จะได้รับการคุ้มครองจากรัฐอย่างเท่าเทียมกันโดยเสมอภาค สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มาร่วมหยุดยุคสมัยล้าหลังที่เคยแบ่งเขาแบ่งเรา แล้วเดินเข็มนาฬิกาเรือนใหม่ นำสังคมไทยเคารพวิถีชีวิตทุกกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลาย” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการร่างกฎหมายชาติพันธุ์ทั้ง 5 ฉบับ น.ส.ลิณธิภรณ์ ยังกล่าวแสดงความยินดีกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศ โดยระบุว่า วันนี้สภาผู้แทนราษฎร ตอบรับเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันกฎหมายชาติพันธุ์เป็นเรื่องด่วน โดยการลงมติรับหลักการร่างกฎหมายทั้ง 5 ฉบับ ทั้งของคณะรัฐมนตรี พรรคการเมือง และภาคประชาชน เพื่อให้กรรมาธิการพิจารณารายมาตรา ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันอย่างรอบด้าน ปูทางสู่การส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิต เพื่อประโยชน์ของทุกกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยต่อไป