เศรษฐา รับอึดอัดปมเหลื่อมล้ำ เตรียมบุกญี่ปุ่นเป็นเซลล์แมน วิ่งสู้ฟัด เจรจาลงทุน​ 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ถนนเสรีไทย เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐถกาพิเศษ ในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง หรือ​ ​วบส. ตอนหนึ่งว่า​ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ได้​ใช้เวลาเพื่อยกระดับไม่ให้ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นโยบายของเราจะเสนอ พ.ร.บ.กู้เงินครั้งใหญ่​ ตนเชื่อว่าในครั้งที่นี้หลายท่านก็ไม่เห็นด้วย​ และหลายท่านอาจเห็นด้วย ​และจากการที่เดินทางไปร่วมประชุมเอเปค เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพเห็นมีการจับมือตบไหล่กันอย่างสวยหรูนั้น แต่ข้างหลังก็ถือมีดกันอยู่ทุกคน ซึ่งจีนกับสหรัฐตกลงกันอย่างชัดเจนมีเพียงเรื่องเดียวคือไม่กดปุ่มนิวเคลียร์ยิงใส่กัน​ ที่เหลือก็สู้กันตายไปข้างหนึ่งในเรื่องการค้า เพราะฉะนั้นเรื่องการย้ายฐานการผลิตต่างๆ มาที่เมืองไทย ซึ่งไทยดำรงในเรื่องของความเป็นกลาง ไม่ได้เอียงไปทางสหรัฐหรือจีน

“คนจีนถือเป็นพี่ใหญ่ อเมริกาถือเป็นบิ๊กบอส เพราะฉะนั้นเราไปได้กับทุกคน ซึ่งผมได้ไปเจรจาตรงนี้ก็เข้าใจในหลายๆ อย่าง ซึ่งในห้องประชุมใหญ่มีการโอภาปราศรัยกันดี แต่พอเข้าห้องรับรองที่ไม่มีนักข่าว ก็มีการกอดคอชี้หน้าด้อยค่าซึ่งกันและกัน เยอะไปหมด ซึ่งเราเองแม้จะตัวเล็กๆ แต่ก็มีความภาคภูมิใจ และจะต้องพยายามดึงนักลงทุนมาประเทศไทยให้ได้” นายเศรษฐากล่าว

ยอมรับว่าตนเป็นเซลล์แมน ต้องวิ่งสู้ฟัด​ และในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น​ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นรถสันดาป ปัญหาที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องว่าเราโปรโมทรถ EV เยอะเกินไป แต่มันเป็นเทรนของโลกและเราต้องทำ

“ผมจะทำ EV ก็เรื่องของผม แต่คุณต้องการอะไรก็บอกมา คนไทยเชื้อสายจีนไม่เคยลืมต้นน้ำ​ ใครรักเรา​ ใครดีกับเรา​ เราจะดีด้วยเราจะจำไว้และเราจะทดแทนบุญคุณเขาผมบอกกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างนี้​ และวันนี้เราก็มีการเจรจาเป็นจำนวนมากว่าเราจะช่วยเรื่องการประกอบรถสันดาปอย่างไร​ โดยจะมีมาตรการทางภาษี​ ”

นายเศรษฐา​ กล่าวถึงการอบรมในหลักสูตร วบส.ว่า หากใช้คอนเนคชั่น​ ให้เป็นประโยชน์​ ใช้ความรู้ความสามารถในทางที่ถูกต้อง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากใช้เรื่องเหล่านี้วางตนเหนือท่าน​ ยกตนเหนือท่าน ใช้ทรัพยากรของรัฐโดยไม่ถูกต้อง ถือว่าท่านเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ มีหลายหลักสูตรที่ไปเรียนเรื่องเหล่านี้แล้วปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ท่านเป็นบุคคลพิเศษเป็นบุคคลที่ได้รับเกียรติจากสถาบันที่มีเกียรติมาพบปะสังสรรค์มาอยู่ร่วมกันมาช่วยทำประโยชน์ให้สังคมบางท่านอาจจะบอกว่าธุรกิจชั้นเล็กนิดเดียวจะไปทำได้อย่างไรทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมหายไปได้อย่างไรการประพฤติตนของท่านทุกคนและตัวผมในส่วนเล็กก็มีส่วนช่วยเหลือได้ พร้อมกับถามว่าเคยเดินทางไปยังหนองบัวลำภูหรือไม่และอยากฝากไว้ว่าหากได้ไปเมืองเหล่านี้อยากรู้จริงๆว่าสังคมมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างไร ไม่เกี่ยวว่านายกฯ เองมาจากภาคธุรกิจ ตนมีความตั้งใจจริงในการที่จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมและเหตุผลหนึ่งที่ตนมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจเพราะรู้แล้วว่าทุกคนตามอยู่ว่าตนทำอะไรอยู่บ้าง แต่อยากจะวิงวอนอ้อนวอนทุกคน ว่าท่านเป็นบุคคลที่มีต้นทุนสูงทางสังคมและสามารถช่วยลดช่องว่างความไม่เท่าเทียม

ในช่วงท้าย ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส.ได้ ให้กำลังใจกับนายกฯโดยระบุว่า การที่ประเทศไทยได้นานกฯชื่อเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกคนที่ 30 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหมือนโชคชะตาส่งมาให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติ ทุกตนขอเป็นกำลังใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ง่าย ข้าวยากหมากแพง ภาวะโลกร้อน การขัดแย้งจากประเทศสารพัดปัญหาถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคนที่ยืนเป็นหัวเรือของประเทศ

มีคำถามว่าก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทยมีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุดและคิดว่าถ้ามีโอกาสขับเคลื่อนจะทำอะไรเป็นสิ่งในฐานะนายกรัฐมนตรี และท่านได้นำประสบการณ์หรือแนวทางการบริหารงานในเชิงธุรกิจมาใช้ขับเคลื่อนประเทศอย่างไรมีการปรับเปลี่ยนแนวทางอย่างไรเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องที่ทำให้อัดอั้นตันใจ คือเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตนเองก็มีเยอะและบางครั้งก็ใช้จ่ายเยอะจนกระทั่งละอายใจ อย่างเช่น การมีนาฬิกาหลายเรือน จนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าอยากมีอีก แต่คิดแล้วก็ทุเรศตัวเองเพราะบางคนเขาไม่มี และพูดแบบนี้ไม่ใช่ตัวเองดูดี มันมีความขัดแย้งในตัวเอง

“นิสัยส่วนตัวของผมเวลาไปทานข้าวที่ไหนไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งอาหารสำรับ ไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด ผมไม่ชอบ จึงมีความไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยหรือทำเนียบฯ เวลาไปไหนก็ยังมีอยู่ และจะบอกทีมงานเสมอว่าผมกินข้าวสำหรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าให้ผมกินพิเศษผมไม่เอา เรื่องของความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องที่พยายามผลักดันมาโดยตลอด แต่ยังไม่สำเร็จ เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้อยากเข้ามาการเมืองตรงนี้