วันที่ 8 ธันวาคม 2560 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อังกฤษและสหภาพยุโรปหรืออียู ยืนยันมีข้อตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับการค้าและช่วงเปลี่ยนผ่าน หลังจากเห็นชอบกรอบแนวทางการแยกตัวจากอียูของอังกฤษ หรือเบรกซิท ทำให้เป็นการผ่อนคลายแรงกดดันต่อนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

โดยคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า กระบวนการที่เพียงพอ ได้เกิดขึ้นหลังการทำงานร่วมสองฝ่ายข้ามคืนเพื่อฝ่าทางตันในเรื่องสถานะเขตแดนของไอร์แลนด์ซึ่งมีช่องโหว่ในตอนแรก ซึ่งพยายามให้เกิดข้อตกลงในวันจันทร์นี้ อีกทั้งคณะกรรมาธิการให้คำตัดสินเรื่องดังกล่าวในรูปของแถลงการณ์หลังการหารืออย่างคร่ำเคร่ง

จากนั้น นางเมย์กล่าวว่า คาดการณ์ว่าแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่จะพิจารณาเห็นชอบจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม และกล่าวว่า ตนยังมองไปถึงการประชุมสภายุโรปในสัปดาห์หน้า ที่ตนหวังและคาดหวังว่าเราจะได้รับการรับรองจาก 27 ชาติสมาชิกอียู ถึงสิ่งที่เป็นข้อตกลงอันเป็นประโยชน์ต่อเราทั้งหมดที่ได้มาอย่างยากลำบาก

ขณะที่นายฌอง คล็อต จังเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป  ได้กล่าวแนะนำว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องทำให้ตนมั่นใจว่าสิ่งนั้นจะสนับสนุนรัฐบาลอังกฤษ โดยพื้นฐานตนเชื่อว่าเราหาทางตกลงกันอย่างที่ต้องการได้แล้ว ที่ผลลัพธ์วันนี้คือการสร้างหนทางประนีประนอม

สำหรับ คณะกรรมาธิการจะเริ่มทำงานในส่วนของการเจรจาในเฟส 2 ซึ่งครอบคลุมเรื่องช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อถอนตัว การค้าและความสัมพันธ์กับอียูในระยะยาว โดยร่างแผนแนวทางนั้น แสดงให้เห็นถึงช่วงเปลี่ยนผ่านที่กินเวลาอย่างมากที่สุดคือ 2 ปี ระหว่างนั้น อังกฤษจะยังคงอยู่ในสหภาพศุลกากรและตลาดเดียว แต่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งกับสถาบันของอียูหรือมีเสียงลงคะแนนเสียงได้อีีก

ทั้งนี้ การเดินหน้าเจรจาเกี่ยวกับการค้าและการเปลี่ยนผ่านเบรกซิท ถือเป็นช่วงสำคัญสำหรับอนาคตของการเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษของนางเมย์ และเพื่อรักษากระแสการค้าระหว่างชาติกลุ่มการค้ายักษ์ใหญ่ของโลก หลังอังกฤษถอนตัวจากอียูในวันที่ 30 มีนาคม 2019