นายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การแบ่งงานรองนายกฯ-รัฐมนตรีใหม่ใน ครม.ประยุทธ์ 5 โดยให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ไปคุม 8 กระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาอาจถือว่าถูกขัดแข้งขัดขาเหมือน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ที่ออกไป แต่ก็ยังมีกระทรวงเศรษฐกิจอีกหลายกระทรวงนายสมคิดไม่ได้คุม เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงพลังงาน ถือว่ายังแบ่งมาไม่หมด แต่คงสายเกินไปแล้วหมักหมมมานาน ดินพอกหางหมู แกะแล้วก็เป็นแผลเหวอะหวะ ของพวกนี้ต้องมีพื้นฐาน ในความเป็นจริงยังไม่ไว้ใจทั้งหมดยังหิ้วกันไปมา ให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ คุมบางกระทรวง ปลดจากกระทรวงเกษตรฯ ไปคุมกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวพันด้านเศรษฐกิจเหมือนกัน ความจริงต้องให้ดูเป็นระบบ นี่ขาดเป็นห้วง เป็นเฟืองที่ไม่ต่อกัน อันหนึ่งเฟืองเล็กอันหนึ่งเฟืองใหญ่ ทำให้เครื่องพังเปล่าๆ จริงๆ นายสมคิด สมัยก่อนแกทำเพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นคนเริ่ม พอนายสมคิดเริ่มเอง ผู้นำรัฐบาลไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลยไปกันไม่ได้ คุยกันคนละภาษาคนละทัศนคติ

“ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ผมคิดว่าอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งนายวิษณุและนายมีชัยคงอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เพราะนักกฎหมายจะดีจะชั่วก็มีหลักของมัน แม้จะเป็นเนติบริกร แต่บางอย่างเกินขีดจนรับไม่ได้ กรณีไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองทั้งที่ พ.ร.ป.พรรคการเมืองออกมาแล้ว เผลอๆ คงอึดอัดขัดข้องเป็นธรรมดา ถ้าหนีได้คงหนี ปรับ ครม.ใหม่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่างนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นคนเก่งแต่อยู่ผิดที่ผิดทาง กระทรวงเกษตรฯก็ต้องทำเรื่องเกษตรไม่ใช่ปราบม็อบ ขนาดยังไม่เข้าทำงานก็ประกาศนโยบายเยอะแยะ ถ้าง่ายเขาก็ทำกันหมดเแล้ว ต้องมีพื้นฐาน คนเก่งผิดที่ก็เหมือนปลาผิดน้ำ” นายชำนาญกล่าว